บ้านเย็นอยู่สบาย
บ้านเย็นอยู่สบาย การออกแบบบ้านหรือรีโนเวทงานตกแต่งภายใน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือความอยู่แล้วสบายของเจ้าของบ้าน การรีโนเวทบ้านต้องให้โปร่งและระบายความร้อนได้ดี
เมื่อตอนที่แล้ว (ดูบทความตอนที่แล้วได้ที่นี่ คลิก ) ได้อธิบายถึงการระบายความร้อนและวิธีการด้วยช่องระบายลมใต้หลังคาไปแล้ว แต่การระบายความร้อนที่อั้นอยู่ในตัวบ้านให้ออกไปได้โดยเร็วนั้น ถ้าเป็นวิธีธรรมชาติ ก็คือต้องให้ระบายออกไปด้วยลมธรรมชาตินั่นเอง
ซึ่งลมธรรมชาติจะไหลผ่านออกไปไม่ได้ถ้าไม่มีทางออก คือมีเข้าก็ต้องมีออก แต่ถ้าออกไปเร็วเกินไปก็จะระบายความร้อนได้อย่างไม่เต็มที่ การที่ลมไหลผ่านออกไปเร็วเกินไปก็คือ การที่มีช่องทางเข้าและทางออกอยู่ตรงกัน ลมจะไหลเข้ามาทางตรงและไหลออกไปเลยโดยที่ไม่วนอยู่ในตัวบ้านก่อน ทางที่ดีของการให้ลมอั้นอยู่ในตัวบ้านซักพักแล้วค่อยไหลออกไปโดยเอาความร้อนออกไปด้วยก็คือ ต้องทำทางเข้าและทางออกไม่ให้ตรงกัน คือลมจะเข้ามาในตัวบ้าน และวนเพื่อหาทางออกพร้อมกับเอาความร้อนสะสมนั้นออกไปด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นมุมทแยงหรือประตูอยู่คนละฝั่งซะเป็นส่วนใหญ่ หรือมีประตูทางเข้า และมีช่องระบายลมอยู่สูงตรงเพดาน เป็นต้น
การออกแบบรั้วบ้านให้ลมสามารถพัดเข้าบ้านได้ง่ายมีหลักการออกแบบอย่างไรและมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน
การออกแบบรั้วบ้านให้ลมสามารถพัดเข้าบ้านได้ง่าย มีความสำคัญในการช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศในพื้นที่บ้าน ทำให้บ้านเย็นขึ้นตามธรรมชาติ ลดการสะสมความร้อนและช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านสบายขึ้น หลักการออกแบบรั้วเพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านได้ง่ายมีหลักการออกแบบดังนี้
1. เลือกใช้วัสดุที่โปร่งหรือเว้นช่องว่าง
– การใช้วัสดุรั้วที่มีช่องว่าง เช่น รั้วระแนงไม้ รั้วเหล็กดัด หรือรั้วที่ทำจากวัสดุโปร่งแสงหรือโปร่งอากาศ จะช่วยให้ลมสามารถไหลผ่านเข้ามาได้สะดวก
– วัสดุที่ไม่ปิดทึบช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดี ทำให้ลมพัดเข้ามาในบ้านได้โดยไม่ถูกขัดขวางจากรั้วปิดทึบ
2. การออกแบบรั้วให้มีระยะห่างระหว่างช่องที่เหมาะสม
– ควรออกแบบรั้วให้มี ช่องว่างระหว่างระแนงหรือวัสดุ ที่เหมาะสม ช่องว่างไม่ควรแคบเกินไปจนลมไม่สามารถพัดผ่านได้ และไม่กว้างเกินไปจนเสียความเป็นส่วนตัว
– การเว้นระยะห่างของช่องในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้ลมไหลผ่านเข้ามาได้อย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันยังคงรักษาความปลอดภัยและความสวยงามของรั้ว
3. ทิศทางการวางรั้วให้สอดคล้องกับทิศทางลม
– ควรสำรวจทิศทางลมประจำปีหรือทิศทางลมที่พัดเข้าบ้านเป็นประจำ เช่น ลมตะวันตกเฉียงใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือในประเทศไทย การวางรั้วให้รับลมจากทิศทางนี้จะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของลมในบ้าน
– การออกแบบรั้วโดยคำนึงถึงทิศทางลมช่วยให้ลมธรรมชาติพัดเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความร้อนสะสมและเพิ่มความเย็นสบายให้กับบ้าน
4. การปรับความสูงของรั้วให้เหมาะสม
– ความสูงของรั้ว เป็นปัจจัยสำคัญในการพัดผ่านของลม หากรั้วสูงเกินไปอาจขัดขวางการไหลเวียนของลมได้ ควรออกแบบรั้วให้มีความสูงพอเหมาะที่สามารถรับลมได้ดี แต่ยังคงรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของบ้าน
– รั้วที่สูงเกินไปโดยไม่มีช่องระบายอากาศจะทำให้บ้านได้รับลมน้อยและเกิดการสะสมความร้อนมากขึ้นภายในพื้นที่บ้าน
5. ออกแบบรั้วให้มีช่องระบายอากาศด้านล่าง
– รั้วบางประเภทอาจออกแบบให้มี ช่องระบายอากาศด้านล่าง โดยให้ลมสามารถพัดเข้ามาทางส่วนล่างของรั้วได้ การออกแบบเช่นนี้จะช่วยให้ลมเย็นจากพื้นดินพัดเข้ามาภายในพื้นที่บ้าน ลดอุณหภูมิในบ้านได้อย่างดี
ความสำคัญของการออกแบบรั้วบ้านให้ลมพัดผ่านได้ง่าย
– ลดความร้อนสะสมในบ้าน ลมธรรมชาติช่วยระบายความร้อนและลดอุณหภูมิภายในบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากเกินไป
– เพิ่มการหมุนเวียนอากาศ ลมที่พัดผ่านรั้วจะช่วยให้บ้านมีการระบายอากาศดีขึ้น ลดกลิ่นอับและความชื้นสะสมในพื้นที่ต่าง ๆ ของบ้าน
– ประหยัดพลังงาน บ้านที่มีลมธรรมชาติไหลเวียนดีจะช่วยลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลม ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าในระยะยาว
– สร้างบรรยากาศที่เย็นสบาย ลมธรรมชาติช่วยให้บรรยากาศในบ้านและพื้นที่สวนเย็นสบายขึ้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น
การออกแบบรั้วบ้านให้ลมสามารถพัดเข้าบ้านได้ง่ายเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยเพิ่มการหมุนเวียนอากาศและทำให้บ้านเย็นสบายมากขึ้น
เรื่องของช่องระบายลมส่วนมากจะเป็นระแนงหรือลายฉลุ เนื่องจากให้ความสวยงามที่ดี และระบายลมได้อีกด้วย ดังตัวอย่างที่จะนำมาให้ท่านได้ชม เป็นการใช้ช่องลมแบบมีลวดลายสวยงามมาใช้ในการระบายความร้อนของตัวบ้าน
นอกจากรั้วบ้านที่ลมสามารถพัดผ่านเข้ามาได้แล้ว ภายในบ้านหากผนังภายในสามารถทำให้ลมสามารถผ่านได้ก็จะช่วยให้บ้านเย็นลงได้ การออกแบบผนังลักษณะแบบนี้ควรคำนึงถึงอะไรบ้าง
การออกแบบผนังภายในบ้านให้ลมสามารถพัดผ่านได้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในบ้าน ทำให้บ้านเย็นขึ้นตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศมากนัก การออกแบบผนังให้ลมสามารถพัดผ่านได้มีสิ่งที่ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. การใช้ผนังแบบโปร่งหรือมีช่องลม
– ผนังแบบระแนง หรือผนังที่มีการเจาะช่องเพื่อให้อากาศสามารถไหลผ่านได้ เป็นวิธีที่ดีในการออกแบบเพื่อระบายอากาศ ตัวอย่างเช่น ระแนงไม้ หรือผนังที่มีลวดลายเป็นช่องว่าง ทำให้ลมจากภายนอกสามารถเข้ามาและไหลเวียนผ่านไปยังส่วนต่าง ๆ ของบ้าน
– การใช้ บล็อกช่องลม ซึ่งเป็นบล็อกคอนกรีตที่ออกแบบให้มีช่องว่างสำหรับลมผ่าน สามารถใช้ทำเป็นผนังที่โปร่งให้ลมพัดผ่านได้ดีโดยไม่เสียความสวยงามและยังคงความเป็นส่วนตัว
2. ตำแหน่งของผนังและทิศทางลม
– ควรคำนึงถึง ทิศทางลม ประจำปีในพื้นที่เพื่อให้การออกแบบผนังช่วยให้ลมพัดผ่านภายในบ้านได้มากที่สุด ผนังที่อยู่ในทิศทางลมที่พัดเข้าบ้านควรออกแบบให้โปร่งหรือมีช่องลมเพื่อให้ลมไหลผ่านจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของบ้าน
– การออกแบบ ช่องลมต่อเนื่อง ระหว่างผนังในแต่ละห้อง เช่น การใช้ช่องลมเหนือประตูหรือหน้าต่าง ทำให้ลมสามารถไหลเวียนจากห้องหนึ่งไปยังห้องอื่น ๆ ได้
3. ความสูงของผนัง
– ผนังสูง จะช่วยให้ลมร้อนลอยขึ้นไปในระดับที่สูงกว่า ทำให้พื้นที่ด้านล่างเย็นลง การออกแบบผนังที่มีความสูงมากพอและมีช่องระบายอากาศด้านบน จะช่วยให้ลมร้อนถูกระบายออกไปได้ง่ายขึ้น และทำให้อากาศเย็นพัดเข้ามาแทนที่
– การใช้ ช่องลมเหนือประตู หรือการทำช่องระบายอากาศด้านบนผนังจะช่วยให้ลมร้อนที่ลอยขึ้นสามารถไหลออกได้เร็วขึ้น
4. การใช้หน้าต่างและประตูแบบโปร่ง
– หน้าต่างและประตูบานเลื่อน หรือบานเปิดที่กว้างช่วยให้ลมสามารถพัดผ่านเข้าออกได้ง่าย การออกแบบผนังภายในที่ติดตั้งหน้าต่างแบบโปร่งหรือประตูที่เปิดกว้างได้จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของลมระหว่างห้อง
– นอกจากนี้การใช้ประตูที่มี บานเกล็ด หรือหน้าต่างที่มีบานเกล็ดสามารถช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีโดยไม่ต้องเปิดหน้าต่างตลอดเวลา
5. การใช้วัสดุที่ระบายอากาศได้ดี
– เลือกใช้ วัสดุที่ช่วยในการระบายอากาศ เช่น ผนังไม้ระแนงหรือผนังอิฐบล็อกที่มีช่องลม ซึ่งไม่เพียงช่วยให้อากาศไหลผ่านได้ดี แต่ยังให้ความสวยงามและคงความเป็นส่วนตัวอยู่ด้วย
– การใช้ วัสดุที่ไม่สะสมความร้อน เช่น ผนังไม้ หรือผนังที่มีฉนวนกันความร้อน จะช่วยให้บ้านเย็นขึ้นโดยรวม และลดการสะสมความร้อนในบ้าน
6. การออกแบบผนังให้สอดคล้องกับการจัดวางพื้นที่
– ควรออกแบบผนังที่โปร่งหรือมีช่องลมในจุดที่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศระหว่างพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้าน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือโถงกลางบ้าน เพื่อให้ลมไหลผ่านได้อย่างทั่วถึง
– การออกแบบ ผนังเชื่อมต่อระหว่างภายในกับภายนอก เช่น การใช้ระแนงไม้ในผนังที่หันหน้าสวนหรือลานบ้าน จะช่วยให้อากาศธรรมชาติไหลเข้าสู่ภายในบ้านได้ดียิ่งขึ้น
7. ช่องลมที่เป็นมิตรกับความเป็นส่วนตัว
– ในบางพื้นที่ เช่น ห้องนอนหรือห้องน้ำ ควรคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย ดังนั้น การออกแบบช่องลมหรือผนังที่โปร่งควรมีการปรับปรุงให้เหมาะสม เช่น การใช้ผนังระแนงที่มีช่องเล็ก ๆ เพื่อให้ลมผ่านได้แต่ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวได้ดี
การออกแบบผนังภายในบ้านให้ลมสามารถพัดผ่านได้ช่วยให้บ้านเย็นลงโดยธรรมชาติ และเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ การเลือกใช้วัสดุโปร่ง ทิศทางลมที่เหมาะสม และตำแหน่งผนังที่ถูกต้อง จะช่วยสร้างบรรยากาศที่เย็นสบายและประหยัดพลังงานลงได้อย่างมาก
บ้านเย็นอยู่สบายเราจะเห็นว่าช่องระบายลมสวยๆมีมากมายหลากหลายรูปแบบ การนำมาใช้งานจะทำให้บ้านแลดูมีลูกเล่น ทั้งยังทำให้บ้านเย็นอีกด้วย แต่การจัดวางตำแหน่งนั้นควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่จะทำให้การระบายลมนั้นมีคุณภาพอย่างสูงสุด
>>ฮวงจุ้ยบ้านสำคัญอย่างไร คลิก
บริษัทเรารับออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคารทุกประเภทด้วยมัณฑนากรและทีมช่างคุณภาพประสบการณ์มากกว่า20ปี โดยท่านสามารถส่งความต้องการมาหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
สนใจติดต่อ งานออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคาร