การเลือกซื้อที่ดินสร้างบ้าน
การเลือกซื้อที่ดินสร้างบ้าน ต้องมีกระบวนการพิจารณาที่แตกต่างจากการเลือกซื้อไว้เก็งกำไร เพราะการเลือกซื้อที่ดินไว้ปลูกบ้านนั้น ท่านต้องใช้เวลาอยู่กับที่ผืนนั้นไปเกือบตลอดทั้งชีวิตของท่านเลยทีเดียว ต้องมีการพิจารณาหลายอย่างประกอบ เพราะหากไม่พิจารณาอย่างดีละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ท่านจะไม่มีความสุขหรือเสียใจได้ในอนาคตหากที่ดินผืนนั้นไม่สร้างความสุขให้กับท่านได้อย่างแท้จริง
หลังจากที่บทความที่แล้วได้อธิบายไว้ถึงที่ดินที่ไม่ควรซื้อมาปลูกบ้านแล้ว (อ่านบทความที่แล้วได้ที่นี่ คลิก ) ในบทความตอนที่2นี้ จะเพิ่มเติมในส่วนที่ต้องพิจารณาเพิ่ม เพื่อให้ท่านได้ที่ดินที่ดีที่สุด ดังนี้
1 พิจารณาทางสาธารณะ ที่ดินที่ท่านซื้อต้องติดทางสาธารณะเพื่อลดปัญหาที่จะเกิดตามมา จากการเข้าออกได้ในอนาคต ซึ่งคงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับท่านแน่ๆ เรื่องนี้ให้ท่านขอสำเนาโฉนดที่ดินจากเจ้าของที่ๆจะขาย แล้วนำไปเช็คได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือเขตที่ใกล้ที่สุด ท่านจะสามารถคัดสำเนาและได้รับเอกสารรับรองจากทางสำนักงานที่ดินว่า ที่ดินผืนนั้นตั้งอยู่ติดกับถนนสาธารณะหรือไม่ ถ้าไช่ ก็จะมีเอกสารรับรองยืนยันจากสำนักงานที่ดินมาให้ แต่ถ้าไม่ติดถนนสาธารณะ ก็ต้องมี “การจดภาระจำยอม” โดยเจ้าของที่ๆติดกับที่ดินของท่านให้ยินยอมสละที่ดินส่วนนี้ไว้เป็นทางเข้า-ออกได้ ซึ่งจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้วหลังจากการจดรับรองแล้ว เพียงเท่านี้ท่านก็จะสามารถสร้างบ้านและอยู่บนที่ดินผืนนั้นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องทางเข้า-ออกอีกต่อไป
เสียเวลาไปสำนักงานที่ดินเพียงไม่นาน เมื่อท่านได้รับการรับรองโดยสำนักงานที่ดินแล้ว ท่านก็จะไม่ต้องมากังวลในเรื่องนี้อีกต่อไป
2 พิจารณาว่ามีไฟฟ้าและน้ำประปาหรือไม่ หากที่ดินผืนนั้นไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปามาให้ (สังเกตง่ายๆ ท่านจะไม่เห็นเสาไฟฟ้า หรือหากมีเสาไฟฟ้าแต่ไม่มีสายไฟก็เรื่องใหญ่) หากที่ดินผืนนั้นไม่มีน้ำไม่มีไฟฟ้ามาให้ ราคาที่ดินจะต้องถูกลงกว่าทั่วไป เพราะการจะขอน้ำประปาใหม่ก็มีค่าใช้จ่ายแต่จะไม่สูงเท่ากับการขอไฟฟ้าใหม่ ที่ท่านจะต้องเสียเงินจำนวนมากในการขอไฟฟ้า เสาไฟฟ้าต้นละ4,500บาทห่างกันทุกๆ20เมตร สายไฟฟ้าคิดเป็นเมตร หากที่ของท่านอยู่ลึกท่านจะเสียค่าลากไฟฟ้าสูงมาก บางที่ดินมากกว่า1แสนบาท ท่านควรพิจารณาถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ ว่าคุ้มมั้ยที่ต้องเสียค่าขอไฟฟ้าใหม่ที่สูงมากขนาดนั้น ที่สำคัญที่ดินผืนนั้นเจ้าของจะขายในราคาที่เท่ากันกับที่ๆมีไฟฟ้าไม่ได้ ควรจะถูกกว่า
หากไม่ขอกับการไฟฟ้าก็ต้องลากสายไฟฟ้ามาเองจากบ้านข้างเคียง(ขอใช้ร่วมกัน มิเตอร์เดียวกัน)ซึ่งจะได้กระแสต่ำหากต้องมีการแบ่งกันใช้ และจะไปทำการจั้มกับเสาไฟฟ้าของทางการไฟฟ้าไม่ได้ ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญา
3 พิจารณาว่ามีการถมแล้วหรือยัง ที่ดินที่ถมแล้วกับยังไม่ถมจะมีราคาแตกต่างกัน ซึ่งที่ดินที่ถมแล้วจะมีราคาขายแพงกว่าที่ดินที่ยังไม่ถม(ไม่มีผลต่อราคาประเมินหรือราคากลาง ราคาประเมินถมหรือไม่ถมก็มีราคาเท่ากัน ที่แพงกว่าเพราะเจ้าของที่ดินเพิ่มมูลค่าของที่ดินนั้นเองด้วยการถมดินและเพิ่มราคาขายให้สูงขึ้น) แต่จะแพงกว่ามากเมื่อเทียบกับที่ดินที่ยังไม่ถมแล้วท่านมาถมเอง ซึ่งขอแนะนำให้ท่านถมเองจะได้ราคาที่ถูกกว่ามาก ซึ่งการถมที่ดินก็มีข้อบังคับด้วย การถมที่ดินมีข้อบังคับให้อยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายพระราชบัญญัติการขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 จะมีประเด็นหลักที่ต้องดูด้วยกัน 3 ข้อ คือ
3.1 หากเจ้าของที่ดินจำเป็นต้องทำการขุดดิน โดยมีความลึกจากระดับพื้นดินเกิน 3 เมตร จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่พนักงานท้องถิ่น (ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร หรือ นายกเทศมนตรี สำหรับในเขตเทศบาล) และทำการขุดตามแบบที่เจ้าหน้าที่พนักงานท้องถิ่นกำหนด
3.2.หากพื้นที่ที่ขุดดินมีความลึกจากระดับพื้นดินไม่เกิน 3 เมตร แต่อยู่ใกล้แนวเขตที่ดินของผู้อื่นในระยะน้อยกว่าสองเท่าของความลึกของบ่อดินที่จะขุด ต้องจัดการป้องกันการพังทลายของดินตามวิสัยที่ควรกระทำ เพื่อป้องกันดินทลายลงสู่พื้นที่ข้างเคียง
3.3.การถมที่ดินสูงกว่าพื้นที่ใกล้เคียง หากจะทำการถมดินโดยมีความสูงของเนินดินเกินกว่าระดับที่ดินต่างเจ้าของที่อยู่ใกล้เคียง และมีพื้นที่ของเนินดินไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร ต้องจัดให้มีการระบายน้ำเพียงพอที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่เจ้าของที่ดินที่อยู่ข้างเคียง
เมื่อพิจารณาได้แล้ว ราคาของการถมที่ดินนั้นสามารถเปรียบเทียบและคำนวณหาผู้รับเหมาที่ถูกที่สุดได้ โดยการแปลงพื้นที่ดินจากตารางวาให้เป็นตารางเมตร โดยใช้สูตร ขนาดพื้นที่ดิน (ตารางวา) x 4 = พื้นที่ตารางเมตร
ตัวอย่าง ที่ดิน 100 ตารางวา x 4 = 400 ตารางเมตร พอได้ผลลัพธ์ที่เป็นขนาดที่ดินแบบตารางเมตรแล้วก็มาคำนวณความสูงของดินที่จะถม โดยนำ ความสูงในการถมที่ดิน (เมตร) x พื้นที่ตารางเมตร = ปริมาณดินที่ต้องการใช้ (คิว)
แทนค่า ต้องการถมที่ดินสูง 2 เมตร x 400 ตารางเมตร = ใช้ดิน 800 คิว จากนั้นให้เผื่อการบดอัดอีก 30% = 400 x 30% = 240 + 800 = 1,040 ที่ดินของท่านต้องการใช้ดินสำหรับถมที่ดินประมาณ 1,040 คิว
จากนั้นก็ลองเอาตัวเลขคิวที่ได้ไปเปรียบเทียบกับราคาที่ผู้รับเหมา ระหว่างการคิดราคาเป็นคันรถ (ขึ้นอยู่กับว่ารถบรรทุกดินได้กี่คิว) กับราคาที่คิดเป็นคิว ว่าการคิดราคาแบบไหนจะถูกกว่ากัน โดยปรกติแล้วก็จะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 200-350/คิว ขึ้นอยู่กับพื้นที่ๆต้องการจะถมด้วย ตามตัวอย่างนี้ หากได้ราคาที่ 250/คิว ที่ดินของท่าน 1 งาน(100ตารางวา)ต้องการถมสูง2เมตร จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 260,000 บาท เป็นต้น
หากท่านจะซื้อที่ดิน 1 งาน ระหว่างราคาที่ยังไม่ถม 800,000 บาท กับถมแล้ว 1,200,000 บาท ท่านจะทราบเองว่าที่ดินนั้น ท่านจะซื้อแบบไหนจะได้ถูกกว่า เพราะถ้าถมสูง2เมตรค่าถม 260,000 บาท ถ้าท่านเลือกที่ดินราคา 8แสน ท่านจะจ่ายถูกกว่า
4 พิจารณาผู้ขาย ก่อนอื่นให้ท่านทราบก่อนว่า ผู้ขายนั้นมี5ประเภท แต่ละประเภทราคาขายที่แตกต่างกัน
4.1 เจ้าของที่โดยตรงผ่านทางเครื่อญาติ เป็นเจ้าของที่ตัวจริงหรือได้รับมรดกมาแล้วมีความจำเป็นต้องขาย กลุ่มนี้จะหายากแต่ได้ราคาที่ไม่แพงเกินไป ปรกติเจ้าของที่กลุ่มนี้มักไม่ค่อยขายที่ดินกันซักเท่าไหร่ หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินจริงๆ ถ้าไม่เอาเข้าธนาคารก็จะตัดสินใจขายเลย ทำให้ได้ราคาที่ไม่แพงมาก แต่ต้องพิจารณาอย่างดีว่าจะมีปัญหาเรื่องเครือญาติตามมาหรือไม่ มีคดีความฟ้องร้องกันอยู่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นจะปวดหัวภายหลังอย่างแน่นอน
4.2 เจ้าของที่โดยตรงโดยยึดมาแล้วขายต่อ ส่วนใหญ่จะเป็นธนาคารซึ่งเจ้าของที่ผ่อนไม่ไหวก็เลยถูกยึดจากธนาคาร แล้วธนาคารก็นำมาขายต่อ โดยจะมีราคาที่ไม่แพงเพราะหากขายไม่ได้ก็จะทำการลดราคาลงเรื่อยๆ จนกว่าจะขายได้ แล้วไปฟ้องส่วนต่างเอาจากเจ้าของเดิม การหาซื้อที่กับธนาคารต้องอาศัยช่วงเวลา เพราะไม่ได้มีออกมามากเท่าไหร่ แต่ได้ราคาต่ำ
4.3 เจ้าของที่โดยตรงจากการซื้อมาเก็งกำไรแล้วขายต่อ กลุ่มนี้จะมีราคาสูงและบางครั้งก็ขายโดยไม่สนใจราคาประเมินด้วยซ้ำไป โดยที่อาจจะไปกว้านซื้อที่จากกรมบังคับคดีหรือที่ดินธนาคาร แล้วนำมาขายต่อทำกำไร คำว่าซื้อที่ดินกับ“เจ้าของโดยตรง”ต้องดูด้วยว่าเจ้าของนั้นซื้อมาเพื่อขายต่อหรือไม่ เพราะถ้าซื้อมาเพื่อขายต่อราคาขายจะสูงกว่าทั่วไปและมีภาษีธุรกิจเฉพาะอีกด้วย ภาษีธุรกิจเฉพาะนั้นกรณีที่ผู้ขายถือครองอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลาน้อยกว่า 5 ปี (แบบนับวันชนวัน) จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ถ้าถือครองอสังหาริมทรัพย์นานเกินกว่า 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนานกว่า 1 ปี จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ซึ่งคิดในอัตราร้อยละ 3.3 ของราคาซื้อขาย หรือราคาประเมิน โดยเลือกราคาที่สูงกว่ามาใช้เป็นฐานในการคำนวณ และภาษีนี้ต้องมีการคุยกันให้จัดเจนว่าไครจะเป็นผู้จ่าย ตามความเป็นจริงแล้วผู้ขายควรจะต้องเป็นผู้จ่ายเพราะตัวเองซื้อมาเก็งกำไรต้องเสียภาษีเอง
4.4 จากการคำพิพาษาบังคับขาย ส่วนใหญ่จะมาจากกรมบังคับคดี การซื้อที่ดินจากกรมบังคับคดีจะเป็นการซื้อที่ดินในราคาที่ถูกที่สุด แต่มีความเสี่ยงค่อนข้างมากหากท่านไม่มีความรู้เพียงพอเพราะท่านจะต้องเช็คทุกอย่างเองให้ละเอียด ถึงแม้จะโอนไปแล้วแต่เจ้าของเดิมหากจะนำเงินมาซื้อคืนก็สามารถทำได้ ทำให้ท่านอาจต้องปวดหัวกับการการต้องขึ้นศาลเพื่อให้ศาลพิจารณา ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ท่านจะชนะก็ตามแต่ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นนั้นไม่ดีเลย รวมถึงขนาดของที่ดินที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริง
“การยึดทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์นั้น ของเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยส่วนมากแล้วจะเป็นการที่เรียกว่า “การยึดทรัพย์ ณ.ที่ทำการ” หมายความว่า เป็นการยึดทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไม่ได้ลงไปตรวจสอบอสังหาริมทรัพย์ที่จะทำการยึด หรือถ่ายรูป ทำแผนที่อสังหาริมทรัพย์ที่ทำการยึดด้วยตนเอง (จึงมีชื่อเรียกว่าการยึดทรัพย์ ณ.ที่ทำการ เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ออกนอกที่ทำการไปยึดทรัพย์ด้วยตนเอง ) โดยโจทก์หรือตัวแทนโจทก์จะเป็นผู้นำเอกสารอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น โฉนดที่ดิน ราคาประเมิน รวมทั้งทำแผนที่และถ่ายรูปทรัพย์สิน นำมาส่งมอบให้เจ้าพนักงานบังคับคดี จากนั้นเจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการขออนุญาตศาลขายทรัพย์ และประกาศขายทรัพย์สินดังกล่าว โดยอาศัยรูปภาพและแผนที่และเอกสารที่ได้จากโจทก์วิธีการยึดทรัพย์ดังกล่าว ปัญหาเรื่องรูปภาพและแผนที่ทรัพย์ที่ทำการขายทอดตลาด คลาดเคลื่อนไปจากความจริง จึงอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เจตนา เช่นโจทก์หรือผู้แทนโจทก์ไม่มีประสบการณ์ในการยึดทรัพย์ ไม่มีประสบการณ์การหาตำแหน่งที่ดิน จึงทำแผนที่และรูปแผนที่คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง หรือสาเหตุที่เกิดขึ้นด้วยเจตนาทุจริตของโจทก์หรือตัวแทนโจทก์ เช่นโจทก์หรือผู้แทนโจทก์ แกล้งทำแผนที่ให้ที่ดินอยู่ใกล้หรืออยู่ติดกับทางสาธารณะ หรือถ่ายรูปที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ใกล้หรืออยู่ติดกับทางสาธารณะ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์ ทั้งๆที่ความจริงที่ดินแปลงที่จะขายไม่ได้อยู่ใกล้ถนนสาธารณะ หรือถ่ายรูปที่ดินซึ่งเป็นที่ดินที่ทำการถมมาแล้ว แต่ที่ดินแปลงที่จะขายเป็นที่ดินแปลงที่ไม่ได้ทำการถม ทั้งนี้โดยมีเจตนาเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประเมินราคาทรัพย์สินดังกล่าวสูงกว่าความเป็นจริง และเพื่อให้ทรัพย์สินที่ทำการยึดสามารถขายออกได้โดยง่ายและได้ราคาสูง ซึ่งการกระทำดังกล่าวโจทก์หรือผู้แทนโจทก์อาจจะต้องรับผิดทางอาญาหรือทางแพ่งได้ในภายหลัง”
4.5 นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นนายหน้าหรือตัวแทนขายที่นำที่ดินของเจ้าของที่ดินมาขายต่อ เป็นการจับเสือมือเปล่าที่อาจลงทุนเล็กน้อย เพียงแค่การปิดป้ายตามที่ต่างๆหรือการโพสขายตามอินเตอร์เน็ต เป็นอาชีพที่ทำเงินได้ดี แต่ความเป็นจริงนั้นที่ดินที่ขายต่อนั้นจะต้องถูกบวกด้วยค่านายหน้า 2-3%แล้วแต่ตกลง บางครั้งหากที่นั้นอาจตรงกับความต้องการของท่านจริงๆท่านก็อาจตัดสินใจซื้อ แต่ราคาขายนั้นย่อมแพงจากราคาประเมินอย่างแน่นอน
5 พิจารณาจากราคาประเมินที่ดิน เพื่อให้ท่านซื้อที่ดินได้อย่างไม่ถูกเอาเปรียบจากผู้ขายมากเกินไป ท่านต้องทราบราคาประเมินก่อนว่าที่ตรงนั้นมีราคาประเมินที่เท่าไหร่ก่อนการตัดสินใจซื้อ ราคาประเมินนั้นจะแบ่งตามพื้นที่ความเจริญต่างๆ บางครั้งที่ดินอยู่ไม่ห่างกันแต่ถูกกั้นด้วยจังหวัดที่ต่างกัน ราคาก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละราคา โดยท่านสามารถค้นหาราคาประเมินได้จากที่นี่ คลิก
6 พิจารณาว่าที่ดินนั้นมีคดีความฟ้องร้องกันอยู่หรือไม่ มีกระทู้ตัวอย่างหนึ่งจากเว็บพันทิพย์ผู้ใช้ 36495521
“เจ้าของกระทู้เป็นผู้หนึ่งที่ชอบเรื่องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะซื้อมาเพื่อปล่อยเช่าหรือซื้อมาแล้วรีโนเวทขายทำกำไร ประมูลบ้านจากกรมบังคับคดีได้บ้านราคาถูกมาขายทำกำไรก็เคยทำ วันหนึ่งมีโอกาสได้ไปเจอบ้านประกาศขาย เทียบกับราคาตลาดถือว่าถูกมาก พอเห็นช่องทางในการทำกำไรได้ ก็ตัดสินใจซื้อโดยกู้เงินจากธนาคาร ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาทั้งเรื่องการกู้เงิน การซื้อขายและโอนที่ดิน รวมไปถึงการนำอสังหาริมทรัพย์ชิ้นนั้นไปจำนองกับธนาคาร หลังจากที่ได้บ้านหลังนั้นมาครอบครองอยู่ได้ไม่นาน ก็มีหมายศาลส่งมาที่บ้านถูกฟ้องให้ตกเป็นจำเลยในคดีแพ่งจากบ้านหลังดังกล่าว ตอนแรกก็งงแต่เมื่อค่อย ๆ อ่านรายละเอียดในหมายศาลก็จับความได้ว่า บ้านหลังนี้เคยมีการฟ้องร้องกันมาก่อน และศาลได้พิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะ แต่ตอนนั้นโจทก์ไม่ได้ไปทำการอายัดทรัพย์สินซึ่งก็คือบ้านหลังนี้ไว้ จำเลยก็ได้ทำการขายบ้านหลังนั้น และมีการขายต่อมาอีกหลายทอด จนมาถึงมือของเจ้าของกระทู้ ขณะนี้โจทก์ที่เป็นเจ้าของเดิมได้ทำการฟ้องจำเลยอีกครั้ง รวมไปถึงผู้ซื้อและผู้ขายทุกรายในทอดต่อ ๆ มารวมถึงตัวเจ้าของกระทู้ด้วยนั่นเอง เจ้าของกระทู้แน่นอนว่าทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าต้องต่อสู้คดี เพราะเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยสุจริตไม่ได้ไปฉ้อโกงใครเขามา เงินค่าบ้านก็จ่ายไป ไม่ได้ได้มาฟรี ๆ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของศาลที่จะพิจารณาตามพยานและหลักฐานต่อไป ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร คาดหวังอยากให้ศาลสั่งยกฟ้องและให้ผู้ขายคืนเงินเรา ส่วนเราก็คืนบ้านเขาไป จะได้จบกัน สำหรับการลงทุนครั้งนี้เจ้าของกระทู้คงไม่ได้หวังกำไรจากการลงทุนอีกแล้ว ขอให้ได้เงินต้นคืนก็พอ และคงอีกหลายปีกว่าคดีจะเรียบร้อย ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ เงินลงทุนก็จม ได้แต่ร้องเพลงรออย่างเดียว”
ก่อนซื้อขายนั้นควรขอสำเนาโฉนดที่ดินจากผู้ขายเพื่อไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดิน เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นโฉนดที่ดินฉบับปัจจุบันที่ตรงกับที่เก็บไว้ที่สำนักงานที่ดินด้วย สอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดินอีกครั้งว่าที่ดินไม่ติดภาระอะไร ผู้ขายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จริงหรือไม่ ถ้าไม่มีปัญหาใด ๆ ค่อยตัดสินใจซื้อ
7 พิจารณาทำเลที่ตั้ง หากซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้านนั้นต้องพิจารณาเพื่อนบ้านที่อยู่เดิมด้วยว่ามีสภาพแวดล้อมเป็นแบบไหน เพื่อนบ้านอยู่เกรดไหน มีความปลอดภัยจากเพื่อนบ้านหรือไม่ ทางเปลี่ยวมีไฟฟ้าไหม เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ เพราะหากซื้อมาแล้วและสร้างบ้านไปแล้วจะเปลี่ยนอะไรก็ลำบากจึงความีการพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ
8 พิจารณาถนนทางเข้า นอกจากต้องเป็นถนนสาธารณะแล้ว ต้องเป็นทางที่มีสภาพดี สภาพทางเป็นดินลูกรังที่ต้องมาตามเก็บตามซ่อมหรือไม่ โดยเฉพาะที่ดินที่เข้าไปลึกๆ หากถนนเป็นดินทั่วไป คงไม่ดีแน่หากถึงหน้าฝนแล้วต้องปวดหัวกับความสกปรกในการเดินทาง และการเทหินคลุกหรือซ่อมถนนเองจะเป็นค่าใช้จ่ายที่คุ้มไหม เนื่องจากเทศบาลจะไม่ค่อยมาเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมถ้าถนนเส้นนั้นมีผู้คนอาศัยอยู่น้อย
หากท่านต้องการจะซื้อที่ดินปลูกบ้านและท่านได้พิจารณามาครบถวนทั้ง 8 ข้อแล้ว เชื่อว่าท่านจะได้ที่ดินที่ดีที่ปลอดภัยเพราะการปลูกบ้านนั้นไม่ไช่ทำกันได้บ่อยๆ การเลือกซื้อจึงต้องพิจารณาจากที่ได้กล่าวมานี้ด้วย และสุดท้ายก็จะถูกตัดสินใจซื้อด้วยความชอบของท่านเอง หากท่านชอบและที่ดินนั้นอาจแพงกว่าด้วยหลายปัจจัยท่านก็อาจซื้อ แต่ความชอบต้องผ่านการพิจารณาที่ดีด้วยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาได้ในอนาคตครับ
>>อ่านบทความการเลือกซื้อที่ดินสร้างบ้าน ตอนต่อไปได้ที่นี่ คลิก
>>อ่านเพิ่มเติมบทความเกี่ยวกับฮวงจุ้ยบ้านได้ที่นี่ คลิก
>>อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการออกแบบบ้านให้บ้านเย็นได้ที่นี่ คลิก
“เราเป็นมากกว่าบริษัทรับสร้างบ้าน เพราะนอกจากเสนองานออกแบบและสร้างบ้านให้แก่ท่านแล้ว เรายังให้ความรู้ในการทางการหาเลือกซื้อที่ดินและความรู้เกี่ยวกับการก่อสร้างด้วย เพราะความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยให้ท่านรู้จริงและรู้ทันช่างและได้รับแต่สิ่งที่ดีนั่นเอง” บริษัทเรารับออกแบบตกแต่งภายในร้านอาหารทุกประเภทด้วยมัณฑนากรมืออาชีพและทีมช่างคุณภาพประสบการณ์มากกว่า20ปี โดยท่านสามารถส่งความต้องการมาหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
สนใจติดต่อ งานออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคาร