เลือกบ้านทิศไหนดี

เลือกบ้านทิศไหนดี

เลือกบ้านทิศไหนดี | เคล็ดลับสร้างบ้านเย็นสบาย อยู่แล้วรวยตามหลักฮวงจุ้ย

เลือกบ้านทิศไหนดี 🏡 เพราะการเลือกซื้อบ้านหรือปลูกบ้านใหม่ไม่ใช่แค่การพิจารณาถึงความสวยงามหรือทำเลที่ตั้งเท่านั้นครับ แต่ “ทิศของบ้าน” คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในระยะยาว ทิศทางของบ้านมีผลต่อการรับแสงแดด การไหลเวียนของลม และแม้กระทั่งพลังงานตามหลักฮวงจุ้ย การตัดสินใจเลือกทิศบ้านอย่างถูกต้องจะช่วยให้บ้านเย็นสบาย ประหยัดพลังงาน และสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการพักผ่อนได้อย่างแท้จริง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของทิศทางบ้าน เพื่อประกอบการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด

.

.

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

หากคุณต้องการปลูกบ้านซักหลัง คุณย่อมต้องการให้บ้านของคุณเย็นและอยู่สบายไช่ไหมครับ การที่บ้านจะเย็นได้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งเป็นหน้าที่ของสถาปนิคที่ดีมีความสามารถและประสบการณ์เป็นสำคัญ เพราะการออกแบบบ้านนอกจากจะต้องดูทิศทางของแสงแดดตามสถานที่ตั้งแล้ว ต้องให้รับกับทิศทางของกระแสลมด้วย กล่าวคือ ความสามารถของสถาปนิคนั้นต้องสามารถออกแบบโดยยึดหลักพื้นฐานของทิศทางดังกล่าวให้สัมพันธ์กับพื้นที่ภายในบ้านด้วย การลบจุดอับจุดตันและเพิ่มจุดรับ จะทำให้บ้านเย็นสบายได้

.

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

เลือกบ้านทิศไหนดี | 🌝 วัฏจักรการเดินทางของแสงแดด

การเลือกทิศทางของบ้านให้ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับความเข้าใจพื้นฐานเรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของดวงอาทิตย์ (Apparent Motion of the Sun) ซึ่งกำหนดทิศทางของความร้อนและแสงที่เข้าสู่ตัวอาคาร การเดินทางของแสงแดดไม่ได้ตายตัว แต่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาของวัน ฤดูกาล และละติจูดของพื้นที่ ดังนี้ครับ

1. การเคลื่อนที่ของแสงแดดในแต่ละวัน (Daily Cycle)

ในแต่ละวัน ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก อย่างไรก็ตาม ลักษณะของแสงแดดในช่วงเวลาต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

☑︎ ช่วงเช้า (ก่อน 10:00 น.) ดวงอาทิตย์อยู่ทาง ทิศตะวันออก แสงแดดในช่วงนี้เป็น แสงอ่อน (Soft Light) มีความเข้มของรังสีความร้อนไม่สูงมาก เป็นแสงที่เหมาะสมต่อการรับเข้าสู่ตัวบ้าน เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคและให้ความสว่าง

☑︎ ช่วงกลางวัน (10:00 น. – 14:00 น.) ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวเข้าใกล้ ทิศเหนือ หรือ ทิศใต้ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเที่ยงที่ดวงอาทิตย์อยู่สูงเกือบจะตรงศีรษะ (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) แสงแดดในช่วงนี้มีความเข้มสูงที่สุดและมีความร้อนสะสมมากที่สุด

☑︎ ช่วงบ่าย (หลัง 14:00 น. – ตกดิน) ดวงอาทิตย์อยู่ทาง ทิศตะวันตก แสงแดดในช่วงนี้เรียกว่า แสงบ่าย (West Sun) เป็นช่วงเวลาที่แสงแดดมีความร้อนสะสมในผนังบ้านมากที่สุด แม้ดวงอาทิตย์จะเริ่มคล้อยต่ำลง แต่รังสีความร้อนจะส่องกระทบผนังและกระจกในแนวราบโดยตรง ทำให้เกิดความร้อนอบอ้าวภายในบ้านเป็นเวลานาน

.

2. การเคลื่อนที่ของแสงแดดตามฤดูกาลและเดือน (Seasonal and Annual Cycle)

สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดคือดวงอาทิตย์ขึ้นและตกตรงทิศเดิมตลอดปี แต่ความจริงแล้ว ตำแหน่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล เนื่องจากแกนโลกเอียงทำมุมกับระนาบการโคจร:

☑︎ ฤดูร้อน (มีนาคม – พฤษภาคม) ในช่วงนี้ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่อ้อมไปทาง ทิศเหนือ มากขึ้น ตำแหน่งการขึ้นและตกจึงเบี่ยงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ผนังบ้านที่หันไปทาง ทิศเหนือ ได้รับแสงแดดมากกว่าปกติในช่วงเช้าและช่วงบ่าย

☑︎ ฤดูหนาว (กันยายน – กุมภาพันธ์) ในช่วงนี้ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่อ้อมไปทาง ทิศใต้ มากขึ้น ตำแหน่งการขึ้นและตกจึงเบี่ยงไปทางตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ผนังบ้านที่หันไปทาง ทิศใต้ ได้รับแสงแดดมากขึ้นในช่วงนี้ และผนังทิศเหนือจะร่มเงาเกือบตลอดทั้งวัน

☑︎ ช่วงวิษุวัต (Equinoxes – มีนาคมและกันยายน) ในสองช่วงนี้ ดวงอาทิตย์จะขึ้นและตกเกือบจะตรง ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก พอดี

.

⚠️ ผลกระทบต่อการออกแบบบ้าน | ความรู้เรื่องวัฏจักรแสงแดดนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อการออกแบบบ้าน

☑︎ ทิศตะวันตก เป็นทิศที่ควรหลีกเลี่ยงการเปิดช่องเปิดขนาดใหญ่ เพราะต้องเผชิญกับแสงบ่ายที่ร้อนแรงที่สุดในรอบปี หากเลี่ยงไม่ได้ควรมีการติดตั้งผนังทึบ, กันสาดลึก, หรือปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อช่วย กรองความร้อน

☑︎ ทิศเหนือและใต้ เป็นทิศที่เหมาะกับการเปิดช่องแสงหรือหน้าต่าง เพราะเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดที่ไม่แรงเกินไปในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี หรือหากได้รับแสงแรง (ในช่วงฤดูร้อนสำหรับทิศเหนือ และฤดูหนาวสำหรับทิศใต้) ก็มักจะมีระยะเวลาที่ไม่ยาวนานนัก

การทำความเข้าใจวัฏจักรการเดินทางของแสงแดดอย่างละเอียดนี้ จึงเป็นรากฐานสำคัญในการเลือกทิศบ้านที่ช่วยให้บ้านของคุณไม่เพียงแต่เย็นสบาย แต่ยังช่วย ประหยัดพลังงานไฟฟ้า จากการลดการใช้เครื่องปรับอากาศในระยะยาวอีกด้วย

.

ทีนี่เราลองมาดูปัจจัยพื้นฐานกันก่อน โดยเริ่มจากทิศทางของแสงแดด ที่จะเข้าสู่บ้านของเราโดยตรง ทิศทางของแสงแดดนั้นไม่ได้เข้าตามเข็มทิศเสมอไปแบบ100% แสงอาทิตย์จะเดินมุมเฉียงและเดินอ้อมไปทางทิศตะวันออกและตะวันตกตามฤดูกาล ตามการหมุนของแกนโลก ซึ่งฤดูกาลต่างๆนั้น จะเกิดขึ้นตามการหมุนของโลกเรานั่นเอง

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

แกนโลกของเราจะวางตัวในแนวเอียงประมาณ 23.5 องศา เทียบกับระนาบวงโคจรของโลก ซึ่งในขณะที่โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์นั้น แกนโลกจะเอียงเท่าเดิมเสมอ ทำให้มีช่วงเวลาที่โลกเอียงแกนข้างใดข้างหนึ่งเข้าหาดวงอาทิตย์มากกว่าอีกข้างหนึ่ง จะส่งผลให้เกิดเป็นฤดูกาลขึ้นมานั่นเอง การที่โลกเอียงแบบนี้และหมุนรอบดวงอาทิตย์ จะทำให้ตอนเที่ยงตรงของทุกวัน พระอาทิตย์จะไม่ได้อยู่บนศรีษะเราเสมอ แต่จะอยู่เฉียงออกไปตามฤดูกาล

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

จากภาพจะเห็นว่าประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และในขณะที่โลกหมุนรอบตัวเองตรงกับแสงอาทิตย์พอดี”ในช่วงเที่ยงนั้นแสงอาทิตย์จะไม่ได้อยู่ตรงกับเราพอดี ในฤดูร้อนพระอาทิตย์จะเดินเฉียงอ้อมไปทางทิศเหนือ ตรงกันข้าม ในฤดูหนาวพระอาทิตย์จะเดินเฉียงไปทางทิศใต้แทน เว้นแต่ช่วงเดือน มีนาคมและกันยายน ที่พระอาทิตย์จะตรงกับศรีษะเราพอดีในช่วงเที่ยง” ( และมีผลอย่างไรกันเรา ยกตัวอย่างเช่น ท่านไม่ต้องการให้แสงแดดเข้าหน้าบ้านในตอนบ่ายเพราะต้องการทำกิจกรรมยามบ่าย-เย็นที่หน้าบ้าน ท่านจึงหันหน้าบ้านไปทางทิศตะวันออกเพราะหวังให้เงาของตัวบ้านบังแสงแดดให้ และทำให้ช่วงบ่ายร่มและทำกิจกรรมได้ ซึ่งไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะใน1ปี ท่านจะไม่ได้ใช้พื้นที่ดังกล่าวได้เลยในช่วงบ่าย นานถึง8เดือน เนื่องจากหน้าบ้านแสงแดดจะสาดเข้าอย่างเต็มที่จนกว่าจะร่มก็ต่อเมื่อพระอาทิตย์ผ่านตัวบ้านไปแล้วก็ประมาณ3-4โมงเย็น ในฤดูหนาวและฤดูร้อน เนื่องจากพระอาทิตย์เดินเฉียงนั่นเอง จะต้องมีการปรับแก้ในเรื่องแบบบ้านจึงจะตอบโจทย์นี้ได้) แสงแดดตามฤดูกาลนี้จะเกี่ยวข้องกับการเลือกทิศทางของบ้านให้รับกับกระแสลมโดยตรง เพราะกระแสลมก็แบ่งตามฤดูกาลเช่นกัน

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

เลือกบ้านทิศไหนดี | 🌪️ การเกิดลมปรากฏการณ์จากความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศ

ลมคือการเคลื่อนที่ของมวลอากาศตามแนวราบ ซึ่งเกิดจากหลักการพื้นฐานทางฟิสิกส์ที่ว่า “ความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศนำไปสู่ความแตกต่างของความดันอากาศ” และธรรมชาติจะพยายามปรับสมดุลของความดันนี้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ลมจึงพัดจากบริเวณที่มีความดันสูงไปยังบริเวณที่มีความดันต่ำเสมอ

.

1. ความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิและความดันอากาศ

การทำความเข้าใจการเกิดลมเริ่มต้นจากการเข้าใจคุณสมบัติของอากาศเมื่อได้รับความร้อน

🔘 อากาศร้อน (ความดันต่ำ) เมื่อมวลอากาศได้รับความร้อน (เช่น จากแสงแดดบนพื้นดิน) โมเลกุลของอากาศจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและขยายตัวออก ทำให้ความหนาแน่นลดลง อากาศที่หนาแน่นน้อยกว่านี้จะลอยตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (Convection) ทำให้บริเวณพื้นผิวเกิดเป็น บริเวณความดันต่ำ (Low Pressure Area)

🔘 อากาศเย็น (ความดันสูง) เมื่อมวลอากาศสูญเสียความร้อน (เช่น เหนือผิวน้ำหรือพื้นที่ร่มเงา) โมเลกุลของอากาศจะเคลื่อนที่ช้าลงและหดตัวเข้าหากัน ทำให้ความหนาแน่นเพิ่มขึ้น อากาศที่หนาแน่นมากกว่านี้จะจมตัวลงสู่พื้นผิว ทำให้เกิดเป็น บริเวณความดันสูง (High Pressure Area)

.

2. กลไกการเกิดลม (Wind Generation Mechanism)

เมื่อเกิดความแตกต่างของความดันขึ้น กลไกการเกิดลมจะเริ่มทำงาน

🔘 การลอยตัวของอากาศร้อน อากาศที่ร้อนและมีความดันต่ำจะลอยตัวสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ทิ้งช่องว่างไว้ด้านล่าง

🔘 การไหลเข้ามาของอากาศเย็น อากาศที่เย็นกว่าและมีความดันสูงกว่าที่อยู่รอบข้างจะถูกผลักให้ไหลเข้ามาแทนที่ช่องว่างดังกล่าว เพื่อเติมเต็มและสร้างสมดุลให้กับความดันอากาศ

🔘 การเคลื่อนที่ตามแนวราบ การไหลเข้ามาแทนที่ตามแนวพื้นดินนี้เองที่เราเรียกว่า “ลม” โดยลมจะพัดจากบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ (ความดันสูง) ไปยังบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง (ความดันต่ำ) อย่างต่อเนื่อง

.

3. ตัวอย่างการเกิดลมตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับการเลือกทิศบ้าน

หลักการนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนในปรากฏการณ์ลมที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันและมีผลต่อบ้านเรือน หนึ่งในสิ่งที่สำคัญคือ ลมบกและลมทะเล (Sea Breeze and Land Breeze)

🔘 ลมทะเล (กลางวัน) พื้นดินร้อนเร็วกว่าผิวน้ำ อากาศเหนือพื้นดินจึงลอยตัวขึ้น เกิดเป็นความดันต่ำ ทำให้อากาศเย็นเหนือทะเล (ความดันสูง) พัดเข้าสู่ฝั่ง นี่คือสาเหตุที่บริเวณชายฝั่งจะรู้สึกเย็นสบายในเวลากลางวัน

🔘 ลมบก (กลางคืน) พื้นดินเย็นตัวเร็วกว่าผิวน้ำในเวลากลางคืน อากาศเย็นเหนือพื้นดิน (ความดันสูง) จึงพัดออกไปทางทะเล (ความดันต่ำ)

🔘 ลมเมืองและลมนอกเมือง (Urban vs. Rural Winds) เมืองที่มีอาคารสูงและพื้นผิวคอนกรีตจะเก็บความร้อนได้มาก เกิดเป็น “เกาะความร้อนในเมือง” (Urban Heat Island) ทำให้อากาศร้อนลอยตัวขึ้น ลมเย็นจากพื้นที่รอบนอกเมือง (สวนสาธารณะหรือชนบท) จึงไหลเข้ามาแทนที่ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญในการวางผังเมืองและทิศทางของบ้านที่ช่วยรับลมธรรมชาติได้

.

.

โดยหลักการของการเกิดลมนั้นอย่างที่ได้อธิบายไปตอนต้นมักเกิดจากความแตกต่างของอุณหภูมิอากาศ โดยอากาศที่มีอุณหภูมิสูงจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ อากาศที่ร้อนกว่าจะลอยตัวขึ้นสูง และอากาศที่เย็นกว่าจะเคลื่อนที่มาแทนในแนวระนาบ ดังนั้นทุกครั้งที่เราโดยลทพัดผ่านเราจึงรู้สึกเย็นสบาย และการที่แกนโลกเอียง 23 องศาทำมุมกับดวงอาทิตย์ เมื่อโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์จึงทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ กับไปในรอบหนึ่งปี โดยการเกิดฤดูกาลนี้เองทำให้เกิดกระแสลมหลักๆ 2 ทิศทางในประเทศไทย

1.ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นลมที่พัดผ่านประเทศไทยในฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยเป็นช่วงที่โลกโคจรเอาแกนที่เอียงออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้ส่วนพื้นผิวของโลกที่เป็นมหาสมุทรได้รับแสงอาทิตย์มากกว่าส่วนที่เป็นทวีป เมื่ออากาศบริเวณมหาสมุทรได้รับแสงอาทิตย์มากกว่าส่วนที่เป็นพื้นทวีป เมื่ออากาศบริเวณมหาสมุทรที่ส่วนใหญ่อยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ร้อนและลอยตัวสูงขึ้น จึงทำให้อากาศที่เย็นจากพื้นทวีปโดยเฉพาะจากประเทศจีน หรือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านเข้ามา เราจึงเรียกกระแสลมดังกล่าวว่าลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือโดยกระแสลมจะพัดผ่านค่อนมาทางทิศเหนือเป็นหลัก

2.ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นลมที่พัดผ่านประเทศไทยในฤดูร้อนและฤดูฝนประมาณ เดือนมีนาคม-ตุลาคม ของทุกปี โดยเป็นช่วงที่โลกโคจรเอาแกนที่เอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้ส่วนของโลกที่เป็นพื้นทวีปได้รับแสงอาทิตย์มากกว่าส่วนที่เป็นมหาสมุทร เมื่ออากาศบริเวณพื้นทวีปที่ส่วนใหญ่อยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือร้อนและลอยตัวสูงขึ้น จึงทำให้อากาศที่เย็นกว่าจากมหาสมุทรโดยเฉพาะจากมหาสมุทรอินเดียพัดเข้ามาแทนที่เราจึงเรียกกระแสลมดังกล่าวว่าลมมรสุมตะวันตกเฉีนงใต้ โดยกระแสลมจะพัดผ่านมาค่อนมาทางทิศใต้เป็นหลัก

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

✅ บทสรุป

ดังนั้นหากเราต้องการจะให้บ้านนั้นเย็นสบายมีกระแสลมไหลเวียนเข้าบ้านอยู่ตลอดเวลา ซินแสหรืออาจารย์ฮวงจุ้ยก็จะเน้นให้สร้างบ้านหรืออาคารในแนวหันทิศเหนือหรือหันทิศใต้เป็นหลัก เพราะจะทำให้บ้านสามารถรับกับกระแสลมที่พัดผ่านเข้ามาได้เต็มที่ โดยถ้าบ้านหันหน้าไปทางทิศใต้ก็จะได้รับลมเป็นเวลามากกว่า เพราะลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้นั้นพัดผ่านกินเวลา 8 ใน 12 เดือน แต่หากสร้างบ้านหันหน้าไปทางทิศเหนือก็จะได้รับลมเป็นเวลาน้อยกว่าบ้านที่หันทางทิศใต้ เพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือนั้นพัดผ่านกินเวลา 4 ใน 12 เดือน

การที่บ้านหันไปทางทิศเหนือนั้นเองก็จะมีข้อดีชดเชยคือแดดจะไม่ค่อยเข้าที่หน้าบ้าน เพราะในประเทศที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ซึ่งประเทศไทยเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยส่วนใหญ่เกือบทั้งปีแสงแดดจะอ้อมเฉียงทิศใต้ ดังนั้นหากท่านต้องการเน้นลมผ่านเยอะๆ เกือบตลอดปี และส่วนตัวชอบแสงแดดก็สามารถเลือกบ้านที่หันไปทางทิศใต้ได้ แต่หากท่านยอมรับลมน้อยลงไปหน่อยแต่เน้นว่าแสงแดดไม่ค่อยเข้าที่หน้าบ้านก็สามารถเลือกบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือใต้ จึงเกี่ยวข้องกับการออกแบบให้สัมพันธ์กับผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้คือเรื่องของการออกแบบบ้านเพราะการที่กระแสลมจะเข้าบ้านได้นั้นจะต้องมี “ช่อง” ให้ลมเข้า และยังไม่พอต้องมี “ช่อง” ให้ลมออกอีกด้วย ซึ่งช่องเหล่านั้นก็คือหน้าต่างและประตู ดังนั้นบ้านที่จะมีกระแสลมผ่านเข้าได้อย่างทั่วถึงก็ควรจะมีช่องประตู และหน้าต่างในปริมาณที่เหมาะสมด้วย จึงทำให้กระแสลม กระแสอากาศไหลเวียนถ่ายเทได้ดี เราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าบ้านที่มีประตูหน้าต่างเพียงพอ ในตอนกลางวันนั้นแสงธรรมชาติจะเข้าบ้านได้มากจนสว่างเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องเปิดไฟเพิ่มเติมเลย

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

โดยควรระวังในการออกแบบประตูหน้าต่างของบ้านที่บางครั้งออกแบบให้มีมากเกินไป หากประตูหน้าบ้านตรงกับประตูหลังบ้านพอดี แม้ว่ากระแสลมจะเข้าไปมากอย่างรวดเร็ว แต่กลับจะออกไปรวดเร็วด้วย ในบางครั้งซินแสฮวงจุ้ยเรียกเป็น “บ้านที่เก็บโชคไม่อยู่” ดังนั้นสถาปนิคจะต้องระวังการที่ออกแบบประตูหน้าบ้านให้ตรงกับประตูหลังบ้าน

ทิศทางลมดังกล่าวยังเป็นเพียงความรู้เบื้องต้นเท่านั้น เพราะในทิศหลัก 4 ทิศ คือ ใต้ , ออก , เหนือ และตกนั้น ยังแบ่งออกเป็น 24 ทิศทางย่อย จึงไม่ได้แปลว่าบ้านหันหน้าทิศใต้หรือหันทิศเหนือแล้วจะดีเสมอไปจึงต้องใช้ความสามารถของสถาปนิคที่มีประสบการณ์ บ้านของท่านจึงจะอยู่สบายและเย็นได้ตลอดปี

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

เลือกบ้านทิศไหนดี

.

.

.

สรุป‼️ แล้วควรเลือกทิศบ้านหันไปทางไหนดีที่สุด❓

สำหรับภูมิอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย ทิศทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการวางบ้านคือทิศที่สามารถ หลีกเลี่ยงแสงแดดบ่ายที่ร้อนจัด และ รับลมประจำปีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้แก่ ทิศเหนือและทิศใต้

.

🟩 ทิศที่ดีที่สุด 👉 ทิศเหนือและทิศใต้

1. ทิศใต้ (The Best Direction)

    ข้อดี เป็นทิศที่ รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมหลักที่พัดผ่านประเทศไทยเกือบตลอดปี (พฤษภาคม – ตุลาคม) ทำให้บ้านเย็นสบายและอากาศถ่ายเทได้ดี

    ข้อเสีย ในช่วงฤดูหนาว (กันยายน – กุมภาพันธ์) ผนังทิศใต้จะได้รับแสงแดดเต็มที่ในเวลากลางวัน ซึ่งจำเป็นต้องมีชายคาหรือกันสาดที่ยื่นยาวเพื่อป้องกัน

    .

    2. ทิศเหนือ (The Second Best Direction)

    ข้อดี เป็นทิศที่ได้รับ แสงแดดอ่อน เกือบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ผนังทิศเหนือจะร่มเงาเกือบตลอดทั้งวัน ทำให้บ้านไม่ร้อนมาก เหมาะสำหรับเปิดช่องแสงและทำหน้าต่างบานใหญ่

    ข้อเสีย อาจได้รับแสงแดดแรงในช่วงเช้าตรู่และบ่ายแก่ ๆ ของฤดูร้อนบ้าง แต่ความร้อนไม่รุนแรงเท่าทิศตะวันตก

    .

    ❌ ทิศที่ควรหลีกเลี่ยง 👉 ทิศตะวันตกและทิศตะวันออก

    1. ทิศตะวันตก (The Worst Direction)

    ⚠️ ข้อควรระวัง เป็นทิศที่ต้องเผชิญกับ แสงแดดบ่าย ที่รุนแรงที่สุดในรอบปี แสงแดดจะส่องกระทบผนังโดยตรงในแนวราบเป็นเวลานาน (ตั้งแต่ 14:00 น. จนถึงเย็น) ทำให้เกิดการ สะสมความร้อน (Heat Storage) ภายในผนัง และคายความร้อนออกมาในตอนกลางคืน ทำให้บ้านร้อนอบอ้าวแม้เปิดเครื่องปรับอากาศ

    2. ทิศตะวันออก (The Manageable Direction)

    ⚠️ ข้อควรระวัง ได้รับ แสงแดดเช้า เต็มที่ ซึ่งแม้จะไม่ร้อนเท่าแสงบ่าย แต่ก็สามารถทำให้ห้องรับแสงร้อนขึ้นได้ในช่วงเช้า (ก่อน 10:00 น.) หากเป็นห้องนอนที่หันหน้าไปทางทิศนี้อาจทำให้ตื่นเช้าและห้องร้อนก่อนเวลาที่ต้องการ

    .

    หรือสรุปการตัดสินใจง่าย ๆ

    ทิศทางลักษณะแสงแดดและลมข้อแนะนำในการออกแบบ
    ทิศใต้รับลมหลักเกือบทั้งปีดีที่สุด: เปิดช่องหน้าต่างรับลม และติดตั้งชายคา/กันสาดให้ยาวเป็นพิเศษ
    ทิศเหนือรับแสงแดดอ่อน ไม่ร้อนจัดดีรองลงมา: เหมาะสำหรับทำห้องนั่งเล่น หรือเปิดช่องแสงขนาดใหญ่
    ทิศตะวันออกรับแสงเช้าเต็มที่พอใช้: เหมาะสำหรับห้องครัว หรือห้องที่ต้องการรับแสงเช้า
    ทิศตะวันตกรับแสงบ่ายที่ร้อนที่สุดควรหลีกเลี่ยง: ควรเป็นผนังทึบ หรือติดตั้งต้นไม้/แผงบังแดดหนาแน่นเท่านั้น

    .

    .

    การเลือกทิศบ้านเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างบ้านที่น่าอยู่และยั่งยืน โดยอาศัยความเข้าใจทั้งหลักการทาง วิทยาศาสตร์ (การเดินทางของแสงแดดและการเกิดลม) และหลักการทาง ฮวงจุ้ย (พลังงานและโชคลาภ) สำหรับภูมิอากาศในบ้านเรา ทิศเหนือและทิศใต้ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะช่วยให้บ้านรับลมประจำปีได้ดีในขณะที่หลีกเลี่ยงแสงแดดบ่ายที่รุนแรงจากทิศตะวันตก การลงทุนในการวางผังบ้านโดยคำนึงถึงทิศทางที่ถูกต้อง จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศ และสร้างสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่เย็นสบาย ผ่อนคลาย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยทุกคน

    เลือกบ้านทิศไหนดี จำไว้ว่าบ้านคือการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต การตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางบ้านในวันนี้ จะส่งผลต่อความสุขและความสบายของคุณไปอีกหลายสิบปี การเลือกทิศทางที่ถูกต้องไม่ใช่แค่การเลือกว่า “หันหน้าไปทางไหน” แต่คือการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อจัดการกับความร้อนและแสงสว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อหรือสร้างบ้าน อย่าลืมนำหลักการเหล่านี้ไปพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้บ้านของคุณเป็นมากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็น พื้นที่แห่งความสุข ที่เย็นสบาย ปลอดโปร่ง และเต็มไปด้วยพลังงานที่ดีอย่างแท้จริง

    >> ออกแบบบ้านฟรี!! ทำได้ยังไง? คลิก

    .

    “เราเป็นมากกว่าบริษัทออกแบบ เพราะนอกจากเสนองานออกแบบและตกแต่งแล้ว เรายังให้ความรู้ทางการตลาดควบคู่ไปด้วย เพราะมันคือสิ่งสำคัญสำหรับการเปิดร้านเพื่อธุรกิจ” บริษัทเรารับออกแบบตกแต่งภายในร้านอาหารทุกประเภทด้วยมัณฑนากรมืออาชีพและทีมช่างคุณภาพประสบการณ์มากกว่า20ปี โดยท่านสามารถส่งความต้องการมาหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้

    สนใจติดต่อ งานออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคาร กลับสู่หน้าหลัก คลิก

          • นัดดูหน้างานได้ที่ 095-864-6299
          • ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line
            เพิ่มเพื่อน
          • Email : thaimawee@hotmail.com
          • ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/weeinterior

    .

    #เลือกทิศบ้าน #ทิศบ้าน #ทิศบ้านดี #ฮวงจุ้ยบ้าน #ทิศบ้านตามหลักวิทยาศาสตร์ #บ้านเย็น #ฮวงจุ้ย #ทิศบ้านมงคล #บ้านและสวน #สร้างบ้าน #ซื้อบ้าน #บ้านหันหน้าทิศไหนดี #ฮวงจุ้ยดี #ทิศบ้านตามวันเกิด

    ,

    ใส่ความเห็น

    อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

    Verified by MonsterInsights