ประเภทและชนิดของกระจก
ประเภทและชนิดของกระจก กระจกเป็นสิ่งตกแต่งที่ให้คุณประโยชน์แก่อาคารได้มาก หากเรานำคุณสมบัติที่มีของกระจก มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด กระจกก็จะสร้างคุณให้อย่างมากมายเลยทีเดียวเพราะกระจกมีหลากหลายคุณสมบัติ
ในส่วนกรรมวิธีการผลิตกระจกนั้นจะเริ่มผลิตโดยการนำวัตถุดิบซึ่งได้แก่ ทรายแก้ว หินฟันม้า หินโดโลไมต์ เศษกระจก โซดาแอช หินปูน และโซเดียมซัลเฟตุมาผสมเข้าด้วยกันตามอัตราส่วนที่ได้กำหนดไว้ แล้วนำส่วนผสมที่ได้นั้นไปใส่ในเตา ที่มีอุณหภูมิ 1,500 องศาเซลเซียส จนวัสดุต่าง ๆ เกิดการหลอมละลายจนได้น้ำแก้ว หลังจากนั้นจะปรับอุณหภูมิของน้ำแก้วให้เหลือประมาณ 1,100 องศาเซลเซียสจนมีความหนืดพอเหมาะต่อการขึ้นรูป ซึ่งน้ำแก้วจะถูกนำไปผ่านกระบวนการที่ทำให้เป็นแผ่นโดยวิธีการปล่อยให้ไหลลงไปฟอร์มตัวเป็นแผ่นกระจกบนผิวดีบอกแหลมกรรมวิธีนี้ จะได้ แผ่นกระจก ที่เรียกว่า กระจกโฟลต มีคุณสมบัติดีกว่าแผ่นกระจกที่ผลิตโดยระบบอื่น ๆ คือผิวของแผ่นกระจก จะเรียบ ไม่เป็นคลื่น มีความหนาสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น ผิวสุกใส แวววาว ไม่ขุ่นมัว
กระจกจะแบ่งออกเป็น4ประเภทใหญ่ๆได้ดังนี้ คือ กระจกเงา กระจกใส กระจกนิรภัยเทมเปอร์ และ กระจกตกแต่งพิเศษ(สำหรับงานตกแต่งภายใน)
1.กระจกเงา
กระจกเงาหลายๆท่านคงรู้จักกันเป็นอย่างดี จะมีลักษณะเงาสะท้อนสิ่งตกกระทบได้เป็นอย่างดี เหมาะในการนำมาประดับตกแต่งห้องน้ำ ห้องนอน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับงานอื่นๆได้อย่างหลากหลาย กระจกเงามีหลายความหนา เริ่มตั้งแต่ 3mm.- 6mm. หรืออาจมากกว่านั้นในบางกรณี
2.กระจกใส
กระจกใสเหมาะแก่การนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของหน้าต่างและประตู รวมถึงชั้นวางของ ตู้โชว์ต่างๆ เนื่องจากมีความใส แสงส่องผ่านได้ และเก็บเสียงเก็บฝุ่นได้ดี จึงเป็นที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบดังกล่าว มีหลายความหนาตั้งแต่3mm.-20mm.
กระจกใสนี้ยังมีแบ่งเป็นแบบชนิดตัดแสงด้วย(กระจกตัดแสง)เมื่อมองจะเห็นออกเป็นสีเขียวอ่อนๆ การผลิตในช่วงที่กำลังหลอม จะมีการเพิ่มออกไซด์ของโลหะเข้าไปผสมด้วย(ซึ่งแต่ละสีจะแตกต่างกันไปตามชนิดของโลหะและความเข้มข้น)จึงทำให้เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วกระจกจึงมีสีเขียวอ่อนๆนั่นเอง และคุณสมบัติที่ได้ จะสามารถตัดแสงสะท้อนได้ประมาณ25%และยังช่วยให้อุณหภูมิลดลงอีกประมาณ51%อีกด้วย เนื่องจากสะท้อนกลับแสงและความร้อนจากดวงอาทิตย์ออกไป
แต่กระจกใสแบบธรรมดานี้หากไม่มีเฟรมหรือกรอบ จะอันตรายมากเมื่อแตกเพราะจะแหลมคมทำอันตรายแก่ผู้ใช้งานได้ ดังนั้นการประยุกต์ใช้ในบางรายการควรต้องมีเฟรมหรือกรอบมาปิดเพื่อป้องกันอันตรายจากการแตกเสียหาย ดังนั้นจึงได้มีการประยุกต์ด้วยการ “อบเทมเปอร์” ดั่งแสดงในหัวข้อถัดไป
3.กระจกนิรภัยเทมเปอร์
กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass T/P ) หรือ “กระจกอบ” เป็นกระจกที่นิยมใช้เป็นกระจกนิรภัย เพราะเมื่อกระจกเทมเปอร์แตกมันจะแตกเป็นเกล็ดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวโพดและไม่มีคมจึงเกิดอันตรายน้อย ซึ่งต่างจากการแตกของกระจกธรรมดาที่แตกเป็นเสี่ยง จึงแหลมคมทำให้เป็นอันตรายมากกว่า ซึ่งนอกจากนี้กระจกเทมเปอร์ยังแข็งกว่ากระจกธรรมดาหลายเท่าจึงเหมาะแก่การนำไปใช้เป็นกระจกผนัง พื้น และอื่นๆที่ต้องการความแข็งแรงและปลอดภัย ล้วนแล้วแต่เป็นกระจกเทมเปอร์ทั้งสิ้น
ส่วนการผลิตนั้นจะมีการนำกระจกธรรมดา(กระจกใสทั่วไปจากหัวข้อที่แล้ว)ไปผ่านกระบวนการอบที่ความร้อนสูงประมาณ 650 องศาเซลเซียส แล้วนำมาเป่าด้วยลมแรงดันสูงให้เย็นตัวลงทันที ผิวนอกของกระจกจะแข็งก่อนกระจกที่อยู่ภายใน ทำให้เกิดความแตกต่างของการเรียงตัวของโมเลกุลกระจก และเกิดความเครียดในเนื้อกระจก ผลของความเครียดนี้ทำให้เกิดเส้นแรงสองชนิด โดยชนิดแรกเป็นเส้นแรงที่ล้อมรอบกระจกทั้งแผ่น ชนิดที่สองเป็นแรงภายในเนื้อกระจกที่ดันออกภายนอก จึงทำให้กระจกนั้นมีคุณสมบัติพิเศษ ให้กระจกเกิดความแข็งแกร่งกว่าเดิม 3-5 เท่า และทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ มีความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งในกรณีที่กระจกเทมเปอร์เกิดการแตกหัก จะแตกออกเป็นเม็ดคล้ายเม็ดข้าวโพด ซึ่งมีความแหลมคมไม่มาก จึงเกิดอันตรายน้อยกว่ากระจกทั่วไป และ กระจกนิรภัยเทมเปอร์ จะต้องผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก. TIS965-2537 นี้ด้วย
4.กระจกตกแต่งพิเศษ(ในงานตกแต่งภายใน)
กระจกตกแต่งพิเศษคือการประยุกต์กระจกประเภทต่างๆ มาดีไซต์ให้สวยงามมากขึ้นกว่าเดิม โดยอาจแบ่งได้เป็นหลายประเภท แต่จุดประสงค์นั้นก้เพื่องานตกแต่งทั้งสิ้น ได้แก่
-กระจกเงาสีต่างๆ เป็นการประยุกต์ให้กระจกเกิดสีต่างๆ และสามารถนำไปประดับตกแต่งบ้านและร้านค้าต่างๆให้สวยงามได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต้องมีการเจียรขอบให้ลาดเอียงเพื่อลบคมและสวยงามก่อนจึงนำไปตกแต่งได้ กระจกเงาสีนี้ได้แก่ กระจกเงาชาทอง กระจกเงาชาดำ เป็นต้น
-กระจกลามิเนต หรือ กระจกนิรภัยหลายชั้น เป็นกระจกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการนำกระจกตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบกันโดยมีแผ่นฟิล์มนิรภัย PVB (Poly Vinyl Butyral)ขั้นอยู่ระหว่างกลางเพื่อยึดกระจกไว้ให้มีความแข็งแรงทนทานมากยิ่งขึ้นและตอบสนองการใช้งานในด้านความปลอดภัยที่สูง โดยทั่วไปถ้าเป็นกระจกเทมเปอร์ธรรมดา เมื่อเกิดการแตกขึ้นก็จะเป็นลักษณะเหมือนเมล็ดข้าวโพด แต่สำหรับกระจกลามิเนตนั้นจะแตกต่างออกไป หากเกิดการแตกขึ้นก็จะยังคงรูปเป็นแผ่นดังเดิม แผ่นฟิล์มที่ติดไว้จะเป็นตัวยึดเกาะมิให้เศษกระจกหลุดร่วงลงมาทำให้เกิดอันตรายนั่นเอง
ซึ่งแผ่นฟิลม์ที่กั้นระหว่าง2กระจกนี้เองสามารถประยุกต์โดยการใส่ลูกเล่นต่างๆเข้าไปได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นใย หรือลวดลายต่างๆ และเมื่อกระจกที่ประกบ2ด้านเปลี่ยนเป็นกระจกสีต่างๆ เมื่อบวกกับลูกเล่นของแผ่นฟิลม์ภายในด้วยแล้ว กระจกลาบิเนทจะสวยงามขึ้นมาก จึงนิยมนำมากั้นเป็นผนังที่มีลวดลายและลูกเล่นต่างๆ ทำให้ห้องมีเสน่ห์และน่าสนใจขึ้นมากเลยทีเดียว
-กระจกเคลือบสี เป็นกระจกใสที่เปลี่ยนลูกเล่นโดยการเคลือบสีลงบนผิวกระจก ทำให้เกิดลูกเล่นและสามารถนำมาประดับตกแต่งภายในให้สวยงามขึ้นได้อย่างมาก ให้สีสันที่สะดุดตา สวยงาม ผู้ออกแบบ Interior Designer จึงนิยมนำมาใช้ในการออกแบบตกแต่งร้านค้าหรือออฟฟิศให้ดูมีลูกเล่นที่มากขึ้น
-กระจกลายคลื่น เป็นกระจกตกแต่งที่จะช่วยสร้างบรรยากาศให้มีความ Mix and Match ด้วยมิติที่หลากหลาย เพื่องานตกแต่งภายในที่ต้องการเอกลักษณ์ ความแตกต่าง นั่นเพราะกระจกลายคลื่นนั้นมีลวดลายที่หลากหลาย เหมาะที่จะนำมาตกแต่งในงานเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งร้านอาหาร ก็ให้มิติที่สวยงามสะดุดตา นอกจากนี้ยังสร้างมูลค่าให้กับสถานที่ และงานออกแบบอีกด้วย
-กระจกลอกปรอท เป็นการนำกระจกเงาสีสันต่างๆ มาลอกปรอทด้านหลังออกตามลวดลายต่างๆ ที่ได้ออกแบบไว้ มาลอกออกเพื่อให้เกิดรูปร่างของภาพที่ต้องการให้เกิดบนกระจก จึงสามารถสร้างคุณค่าและความสวยงามได้อย่างมากมายเลยทีเดียว
-กระจกฝ้า เป็นกระจกที่มีลักษณะขุ่นเป็นฝ้า แสงผ่านได้น้อย จึงเป็นที่นิยมที่นำไปใช้ในงานออฟฟิศสำนักงานต่างๆและฉากกั้นห้องน้ำและงานอื่นๆที่มีการประยุกต์ใช้กระจกชนิดนี้ได้
-กระจกยิงทราย เป็นกระจกที่พ่นทรายตกแต่งเพื่อให้เกิดลวดลายต่างๆ ให้มีความสวยงามตามแบบที่ได้ดีไซต์ไว้ เป็นกระจกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอดีต แต่ในสมัยปัจจุบัน เมื่อมีดีไซต์ของกระจกใหม่ๆออกมาและสวยงามมากกว่า กระจกยิงทรายนี้จึงได้รับความนิยมลดลง
สำหรับกระจกนั้นหากเลือกใช้งานได้ถูกประเภท จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างหลากหลาย ทำให้งานตกแต่งภายในดูมีคุณค่าและความสวยงามได้อย่างมาก การมีความรู้เป็นอย่างดีจะประยุกต์ใช้สิ่งของรอบตัวได้เกิดประโยชน์ และจะช่วยให้งานตกแต่งภายในเป็นงานที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนไครเลย..
>>อ่านเพิ่มเติมบทความเกี่ยวกับวัสดุในงานตกแต่งภายในได้ที่นี่ คลิก
บริษัทเรารับออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคารทุกประเภทด้วยมัณฑนากรและทีมช่างคุณภาพประสบการณ์มากกว่า20ปี โดยท่านสามารถส่งความต้องการมาหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
สนใจติดต่อ งานออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคาร
-
-
-
- นัดดูหน้างานได้ที่ 095-864-6299
- ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line
- Email : thaimawee@hotmail.com
- ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/weeinterior
-
-