ว่าด้วยเรื่องคอนกรีต

คอนกรีต

คอนกรีต

คอนกรีต หรือที่ช่างทั่วไปเรียกว่า “ปูน” นั้น มีความหมายและประเภทที่น่าสนใจมากกว่านั้น อาคารต่างๆหรือบ้านที่สร้างขึ้นส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นที่ต้องใช้คอนกรีต มาเป็นส่วนประกอบด้วยกันทั้งสิ้น แต่หลายท่านจะทราบหรือไม่ว่าคอนกรีตนั้นมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ

ซีเมนต์เพสต์ (cement paste) คือ ปูนซีเมนต์ผสมน้ำ ประโยชน์ ส่วนใหญ่จะใช้ในการทดลองคุณสมบัติต่างๆของปูน เช่น การก่อตัว การไหลเท ไม่ได้นิยมนำมาใช้ในการก่อสร้างจริง

มอร์ตาร์ (mortar) คือ ปูนซีเมนต์ผสมน้ำและทราย ประโยชน์ใช้ในการฉาบผนังบาง แต่งขอบปูน,บัว,คิ้วคอนกรีต และเทปรับระดับพื้นก่อนปูไม้ปาร์เก้หรือปูกระเบืัอง,หินอ่อน อธิบายง่ายๆได้ว่าการใช้งานส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในงานที่ไม่ได้ต้องการความหนามาก การสกิม การแต่งผิวฉาบให้เรียบ แต่งขอบต่างๆ คุณสมบัติที่ดีคือไม่แตกร้าวง่าย หากใช้คอนกรีตมาแต่งผิวบางส่วนใหญ่เมื่อแห้งแล้วจะแตกได้โดยง่ายนั่นเอง

คอนกรีต (concrete) คือ ปูนซีเมนต์ผสมน้ำ ทราย และหิน ประโยชน์ใช้งานก่อสร้างทั่วไปและใช้สำหรับเทงานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อรับแรงอัดต่างๆ ได้แก่ ฐานราก , ตอม่อ , คาน , พื้น และเสา เป็นต้น

โดยคอนกรีตนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

1.คอนกรีตผสมมือ คือการนำเอาปูนซีเมนต ์น้ำ ทราย และหินมาผสมกัน โดยใช้มือ หรือ เครื่องโม่ขนาดเล็ก ซึ่งในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไหร่แล้ว เนื่องจากไม่สามารถควบคุมความแข็งแรงของคอนกรีตได้(Strength) และใช้พื้นที่หน้างานมากในการผสมและกองวัสดุต่าง การผสมด้วยมือส่วนใหญ่จะนิยมใช้สำหรับงานที่มีพื้นที่ๆไม่มากนัก เช่น งานต่อเติมเล็กน้อยๆ เท่านั้น

การผสมคอนกรีตโดยช่างปูนก่อสร้าง

2.คอนกรีตผสมเสร็จ นั้นเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เป็นการผสมส่วนผสมทั้งหมดภายในแพล้นท์ แล้วปล่อยใส่รถโม่มาส่งที่หน้างาน โดยจะต้องใส่ “น้ำยาหน่วงคอนกรีต” ตามระยะทางที่มาส่ง เพื่อหน่วงไม่ให้คอนกรีตก่อตัวหรือแข็งตัวก่อนใช้งาน แล้วถึงนำไปเทที่หน้างาน การใช้คอนกรีตผสมเสร็จมีข้อดีคือทำงานได้รวดเร็วแล้วกำหนดค่าความแข็งของคอนกรีตตามที่วิศวกรกำหนดไว้ได้ การเทในพื้นที่ๆกว้างมากก็สามารถเทเสร็จได้ภายในวันเดียว

คอนกรีตผสมเสร็จ

คอนกรีตผสมเสร็จเมื่อหล่อ และถอดแบบแล้วก็มีความแข็งแรงมาก เหมือนดั่งหิน แต่ในความเป็นจริงแล้วคอนกรีตผสมเสร็จที่ใช้งานกับโครงสร้างอาคารจะไม่เหมือนกับคอนกรีตเทพื้นทั่วๆไป  จะมีค่าความแข็งแรง (Strength)ที่ไม่เท่ากัน เช่นคอนกรีตผสมเสร็จสำหรับสร้างบ้าน ก็จะมีความแข็งแรงน้อยกว่าคอนกรีตผสมเสร็จที่ใช้สร้างอาคารขนาดใหญ่ ซึ่งความแข็งแรงของคอนกรีตผสมเสร็จ มีหน่วยวัดเป็น แรง/ตร.ซม. (กิโลกรัม/ตารางเซ็นติเมตร ชื่อย่ออังกฤษคือKSC. kilogram per square centimeter )  ซึ่งผู้ออกแบบหรือวิศวกรโครรงสร้าง จะต้องมีระบุไว้ในแบบก่อสร้างทุกโครงการว่า ได้มีการออกแบบโครงสร้างด้วยกำลังความแข็งแรงหรือกำลังอัด (Strength)ของคอนกรีตผสมเสร็จเท่าไร โดยมักจะเขียนไว้ว่าต้องการ คอนกรีตผสมเสร็จที่มีกำลังเท่าไร เช่น เขียนว่าต้องการคอนกรีตผสมเสร็จกำลัง  240 KSC. (kilogram per square centimeter)

ค่ากำลังอัดของคอนกรีตผสมเสร็จ ได้มาจากการเก็บตัวอย่าง คอนกรีตผสมเสร็จ เป็นทรงกระบอกขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 ซม. และสูง 30  ซม. นำมากดจนแตก และวัดค่าแรงที่ต้องใช้ในการกด (อาจเก็บเป็นรูปลูกบาศก์ขนาด 15 x 15 ซม.) และค่ากำลังของคอนกรีตผสมเสร็จ ที่จะพัฒนาจนสูงสุดอยู่ที่  28 วัน  ดังนั้นในการก่อสร้างเมื่อมีการเท  คอนกรีตผสมเสร็จคาน จึงต้องรอจนคอนกรีตผสมเสร็จแข็งตัว และมีกำลังอัดพอเพียงที่จะไม่แตกร้าว  โดยทั่วไปยอมให้ที่ระยะเวลาครึ่งหนึ่ง จึงจะถอดค้ำยันท้องคานได้ (14 วัน)

กำลังอัดของคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ใช้ออกแบบและก่อสร้างมีการกำหนดค่ามาตราฐานไว้ทที่ กทม. คือ 173 KSC. และต่างจังหวัดอยู่ที่ 144 KSC. จะเห็นว่าการระบุค่ากำลังคอนกรีตผสมเสร็จจะไม่ระบุไว้สูงมากนัก สำหรับการทำงานก่อสร้างบ้าน เนื่องจากว่าการก่อสร้างบ้านโดยทั่วไปบางครั้งผู้รับเหมาอาจไม่ได้มีการควบคุมคุณภาพที่เพียงพอ จึงต้องกำหนดให้ค่ากำลังคอนกรีตผสมเสร็จไว้ไม่สูงนักเพราะหากกำหนดไว้สูงเกินไป(สูงเกินกว่าค่าที่รับได้)อาจจะตรวจไม่ผ่านมาตราฐานซะเป็นส่วนใหญ่ และจะทำให้ก่อสร้างงานไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะหล่อคอนกรีตอย่างชาวบ้านทั่วไป ผสมกันเอง อย่างไรเสียก็จะได้คอนกรีตผสมเสร็จกำลังที่ต้องการอยู่ดี

การเทคอนกรีตสำหรับอาคารขนาดใหญ๋

แต่ในกรณีที่เป็นการก่อสร้างอาคารสูง กำลังของคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ใช้ออกแบบอย่างต่ำก็ต้อง 240 KSC. และอาจสูงไปถึง 500 KSC. ซึ่งจะต้องมีการควบคุมและมีการผสมอย่างถูกวิธี จึงจะได้คอนกรีตผสมเสร็จที่มีคุณภาพและกำลังสูง รวมทั้งต้องใช้ปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษที่มีค่ากำลังสูงเป็นส่วนผสมหลักทำให้มีความแข็งแกร่ง เหมือนกับหินในธรรมชาติ คือความสามารถในการรับแรงกด(Compression)ได้ดีเยี่ยม แต่ความสามารถทางรับแรงดึง(Tension)ยังถือว่าต่ำ จึงต้องมีวัสดุอีกอย่างนำมาใช้ ร่วมกับคอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งก็คือเหล็กเส้น เพื่อเป็นส่วนรับแรงดึงแทน

จะเห็นว่าคอนกรีตก่อนที่จะสั่งมาเทในงานก่อสร้างอาคารของท่านนั้น ท่านควรตรวจสอบค่าความแข็งแรงของคอนกรีต(KSC)ทุกครั้งว่าตรงตามแบบที่วิศวกรกำหนดไว้หรือไม่(ระบุอยู่ในแบบก่อสร้าง) เพื่อความแข็งแรงของอาคารท่านเองและป้องกันผู้รับเหมาลักไก่นำคอนกรีตชนิดธรรมดามาใช้งานแทนอีกด้วย

>>อ่านเพิ่มเติมบทความเกี่ยวกับความสำคัญของเหล็กโครงสร้างที่ใช้กับคอนกรีตในส่วนของงานคาน ได้ที่นี่ คลิก

>>อ่านเพิ่มเติมบทความเกี่ยวกับฐานรากได้ที่นี่ คลิก

“เราเป็นมากกว่าบริษัทรับสร้างบ้านและรีโนเวท เพราะนอกจากเสนองานออกแบบและสร้างบ้านให้แก่ท่านแล้ว เรายังให้ความรู้ในการก่อสร้างด้วย เพราะความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยให้ท่านรู้จริงและรู้ทันช่างและได้รับแต่สิ่งที่ดีนั่นเอง” บริษัทเรารับออกแบบตกแต่งภายในร้านอาหารทุกประเภทด้วยมัณฑนากรมืออาชีพและทีมช่างคุณภาพประสบการณ์มากกว่า20ปี โดยท่านสามารถส่งความต้องการมาหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้

สนใจติดต่อ งานออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคาร

        • นัดดูหน้างานได้ที่ 095-864-6299
        • ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line
          เพิ่มเพื่อน
        • Email : thaimawee@hotmail.com
        • ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/weeinterior

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Verified by MonsterInsights