ออกแบบตกแต่งภายในร้านรองเท้า | Content Update 17 October 2025
ออกแบบตกแต่งภายในร้านรองเท้า 👠 การออกแบบตกแต่งภายในร้านรองเท้าไม่ใช่เพียงการจัดเรียงสินค้าให้เต็มร้าน แต่คือศิลปะในการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวก สบาย และอยากกลับมาอีกครั้ง ตั้งแต่การจัดวางชั้นโชว์ แสงไฟที่เน้นสินค้า การใช้วัสดุและโทนสี ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ ร้านที่ออกแบบดีจึงช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย
.
.
ออกแบบตกแต่งภายในร้านรองเท้า | ทำไม “ร้านรองเท้า” ต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบ 📌
1) ความประทับใจแรก = โอกาสปิดการขาย หน้าร้านและบรรยากาศคือสิ่งที่ลูกค้าเห็นก่อนรองเท้าคู่ไหนๆ การออกแบบที่สะอาด โทนสีชัด โลโก้เด่น และโชว์สินค้าตัวท็อปตั้งแต่หน้าประตู ทำให้คน “อยากเข้าร้าน” มากขึ้นทันที โอกาสขายจึงเพิ่มตั้งแต่วินาทีแรก
2) ดีไซน์ช่วยเล่า “ตัวตนแบรนด์” รูปทรงชั้นวาง วัสดุ แสง สี ไปจนถึงสไตล์กราฟิก บอกได้ทันทีว่าร้านเราเป็นสปอร์ต ไลฟ์สไตล์ หรู หรือคัสตอม งานออกแบบที่สอดคล้องกับบุคลิกแบรนด์ทำให้ลูกค้าจำเราได้ และรู้ทันทีว่าที่นี่มีรองเท้าที่เขาตามหา
3) จัดของเป็น = หยิบง่าย ค้นไว ไม่หลงทาง เลย์เอาต์ที่แบ่งโซนชัด (ชาย/หญิง/เด็ก/วิ่ง/บาส/รองเท้าหนัง) พร้อมป้ายนำทางอ่านง่าย ทำให้ลูกค้าหาของเจอไวขึ้น ลดการถามพนักงานเล็กๆ น้อยๆ ให้ทีมขายมีเวลาพูดคุยเชิงลึกกับลูกค้าที่ “พร้อมซื้อ” มากกว่า

.
4) แสงไฟที่ถูกต้อง ทำให้รองเท้า “ดูดีขึ้น” ไฟสปอตและไฟเส้นที่มีค่าแสดงสีดี (CRI สูง) ทำให้ผิวหนัง หนังกลับ เมช หรือพื้นใส ดูเด่น รายละเอียดเงาและเนื้อวัสดุชัดขึ้น ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้น โดยเฉพาะคู่พรีเมียมหรือคู่สีพิเศษ
5) ประสบการณ์ลองสวมที่สบาย = เพิ่มโอกาสซื้อ เก้าอี้ลองสวมสูง-ลึกกำลังดี มีที่วางเท้า/ช้อนรองเท้า/กระจกเต็มตัว และแสงหน้าไม่บิดสี คือรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้การลองสวมราบรื่น ลูกค้าชอบใจ อยู่ร้านนานขึ้น และมีแนวโน้ม “ปิดจบ” สูงขึ้น
6) วัสดุทนงาน + ทำความสะอาดง่าย พื้นกันลื่นไม่ทิ้งคราบยาง รองเท้าเดินเข้า-ออกทั้งวัน วัสดุผิวแข็งแรง โต๊ะลองสวมไม่เป็นรอยง่าย เช็ดแล้วสะอาดเหมือนใหม่—ร้านจึงดูดีเสมอ และประหยัดค่าซ่อมในระยะยาว
7) โชว์สินค้าตามฤดูกาลได้ “ไว” ระบบชั้นวางแบบโมดูล เปลี่ยนได้เร็ว (ปรับระดับ/สลับหน้าโชว์) ช่วยหมุนธีมตามซีซัน โปรโมชัน หรือสินค้ามาใหม่ได้ทันที ไม่ต้องรื้อใหญ่ ทำให้หน้าร้าน “มีอะไรใหม่” ตลอด
8) จุดถ่ายรูป = การตลาดฟรี ทำ “มุมซิกเนเจอร์” ที่ถ่ายรูปสวย (โลโก้นูน ผนังเท็กซ์เจอร์ แสงเงาดี) ลูกค้าโพสต์เองแทนเรา สร้างการรับรู้และดึงคนใหม่เข้าร้านโดยไม่ต้องทุ่มงบโฆษณามาก
9) สต็อกหลังร้านลื่นไหล ไม่เสียจังหวะขาย วางผังหลังบ้านและชั้นเก็บกล่องแบบรหัสชัด เข้าถึงเร็ว ใกล้โซนลองสวม พนักงานหยิบไซซ์ได้ไว ไม่ให้ลูกค้ารอนานจน “ใจเปลี่ยน”
.

.
10) ความปลอดภัยและกันสูญหายแบบเนียนตา ตำแหน่งกล้อง ป้ายเตือนนุ่มนวล ทางเดินโล่ง และวิธีผูกสายกันขโมยที่ไม่รบกวนการลองสวม ช่วยลดความเสี่ยง โดยยังคงประสบการณ์ที่ดี
11) เสียง กลิ่น อุณหภูมิ = อารมณ์การซื้อ เพลงโทนแบรนด์ดังพอดี อากาศไม่อับ และกลิ่นสะอาดบางๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นแบบไม่รู้ตัว อยู่ร้านนานขึ้น และพร้อมตัดสินใจมากขึ้น

.
12) ป้ายราคา/ข้อมูลชัด = ไว้ใจและจบง่าย ป้ายราคา ข้อมูลวัสดุ ฟังก์ชัน และโปรโมชันที่อ่านง่าย ลดความลังเลและคำถามซ้ำๆ ลูกค้ารู้สึกโปร่งใส น่าเชื่อถือ และตัดสินใจได้เร็ว
.
🟨 ร้านหนึ่งลงทุนออกแบบตกแต่ง ในขณะที่อีกร้านไม่ทำเลย ผลลัพธ์ด้านยอดขายและภาพลักษณ์อาจแตกต่างกันชัดเจน
1) ความกล้าเข้าร้าน ร้านที่ตกแต่ง หน้าร้านดูน่าเข้า แสง สี และการจัดวางทำให้รู้สึกโปร ลูกค้าจะกล้าเดินเข้าไปมากกว่า แม้ยังไม่ตั้งใจซื้อก็อยากแวะดู แต่ร้านไม่ตกแต่ง จะดูเรียบ โล่ง หรือรกเกินไป คนอาจเดินผ่าน ไม่กล้าเข้า เพราะกลัวของไม่ดีหรือไม่มั่นใจ

.
2) ความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า ร้านที่ตกแต่ง แม้สินค้าจะเหมือนกัน แต่บรรยากาศที่ดูหรู สะอาด และเป็นระบบ ทำให้ลูกค้าเชื่อว่าของมีคุณภาพ คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย แต่ร้านไม่ตกแต่ง ลูกค้าอาจรู้สึกว่าของเกรดต่ำ ทั้งที่จริงแล้วเป็นของแท้เหมือนกัน
3) ประสบการณ์ช้อปปิ้ง ร้านที่ตกแต่ง มีโซนลองรองเท้าเก้าอี้นั่งสบาย กระจกเต็มตัว ไฟสวย เวลาใส่รองเท้าจะดูดีขึ้นทันที ทำให้โอกาสตัดสินใจซื้อสูงขึ้น แต่ร้านไม่ตกแต่ง ลูกค้าลองใส่แบบเร่งรีบ ไม่มั่นใจ ไม่มีบรรยากาศช่วยเสริมการตัดสินใจ
4) การอยู่ในใจลูกค้า ร้านที่ตกแต่ง บรรยากาศดีจนลูกค้าจำได้ กลายเป็น “จุดหมายปลายทาง” ที่อยากกลับมาอีกครั้ง และยังช่วยให้แชร์ต่อในโซเชียล แต่ร้านไม่ตกแต่ง ลูกค้าอาจซื้อครั้งเดียวแล้วหายไป เพราะร้านไม่มีอะไรให้น่าจดจำ
5) ผลต่อยอดขายโดยตรง จากปัจจัยทั้งหมดนี้ ร้านที่ตกแต่งจะมี Conversion Rate สูงกว่า (คนเข้าร้านแล้วซื้อจริงมากกว่า) และ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลสูงกว่า เพราะลูกค้ารู้สึกมั่นใจและเต็มใจซื้อรองเท้าคู่ที่แพงขึ้น ขณะที่ร้านไม่ตกแต่งแม้สินค้าจะเหมือนกัน แต่ลูกค้ามักจะต่อราคา เลือกคู่ถูก หรือเดินออกไปง่ายกว่า
Tips : การลงทุนกับ “บรรยากาศ” และ “การจัดวาง” อาจไม่ได้เพิ่มต้นทุนสินค้าเลย แต่ช่วยให้ขายคู่เดิมในราคาที่ลูกค้ายินดีจ่ายมากกว่า และทำให้ยอดขายรวมโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
.
❇️ ตัวอย่างร้านขายรองเท้าที่สวยน่าสนใจที่คุณสามารถนำไปเป็นไอเดียต่อยอดได้ทันที👇
มาดูตัวอย่างการตกแต่งร้านรองเท้าแห่งหนึ่ง ที่เจ้าของร้านให้ความสำคัญกับงานออกแบบตกแต่งภายในเป็นอย่างมาก เพราะเข้าใจดีว่า “ร้านที่สวย บรรยากาศดี และมีเอกลักษณ์” จะช่วยดึงดูดลูกค้า เพิ่มความน่าเชื่อถือ และทำให้ประสบการณ์ช้อปปิ้งแตกต่างจากร้านทั่วไป การออกแบบที่ดีไม่ได้แค่ทำให้ร้านดูหรูหรือทันสมัย แต่ยังช่วยเล่าเรื่องราวของแบรนด์และทำให้สินค้าทุกชิ้นโดดเด่นขึ้นอีกหลายเท่า
พร้อมแล้ว…ไปดูกันครับว่า ร้านรองเท้าแห่งนี้มีการออกแบบตกแต่งในแต่ละมุมอย่างไรบ้าง และทำไมงานดีไซน์ถึงช่วยยกระดับร้านให้กลายเป็น “มากกว่าที่ขายรองเท้า” แต่คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสไตล์และแรงบันดาลใจ

☝️ หน้าร้านรองเท้าแห่งนี้ถูกออกแบบให้สะท้อนพลังของแบรนด์และดึงดูดสายตาผู้คนที่เดินผ่านได้อย่างทันที จุดเด่นที่สุดคือการใช้ไฟนีออนสีส้มสดเขียนคำว่า “SPORT IS ART” ที่เปล่งประกายเหมือนเป็นสัญลักษณ์บอกตัวตนร้านว่า “ที่นี่ไม่ใช่แค่ขายรองเท้า แต่ขายประสบการณ์และไลฟ์สไตล์” แสงไฟแรงดึงดูดนี้ไม่เพียงสร้างบรรยากาศทันสมัยและเท่ แต่ยังทำให้ร้านโดดเด่นท่ามกลางถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ การออกแบบพื้นที่เปิดโล่งด้านหน้าโดยไม่ใช้ประตูกระจกปิดบัง ทำให้คนที่เดินผ่านมองเห็นบรรยากาศภายในร้านได้ชัดเจน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากเข้ามาสำรวจมากขึ้น
นอกจากนี้ การจัดวางผนังด้านข้างที่เต็มไปด้วยกรอบรูปภาพจำนวนมากยังทำหน้าที่เสมือนแกลเลอรี ที่เล่าเรื่องราวของแบรนด์และรองเท้าแต่ละรุ่นได้อย่างมีสไตล์ ผสมผสานความรู้สึกระหว่าง “ศิลปะ” และ “กีฬา” เข้าด้วยกัน พื้นสีเข้มและเส้นไฟที่ลากเป็นแนวเฉียงลงพื้น ช่วยสร้างความลึกและนำสายตาลูกค้าเข้าสู่ด้านในร้านอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ทำให้หน้าร้านไม่เพียงแต่เป็นทางเข้า แต่เป็น “เวทีแสดงภาพลักษณ์” ที่บอกลูกค้าทันทีว่าที่นี่คือร้านรองเท้าที่มีเอกลักษณ์ แตกต่าง และจริงจังกับการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งเหนือระดับ
.

☝️ การออกแบบทางเข้าร้านรองเท้าแห่งนี้สร้างความประทับใจตั้งแต่ก้าวแรก ด้วยการใช้ไฟนีออนสีส้มสดที่เขียนข้อความ “SPORT IS ART.” ขนาดใหญ่ บนฉากตะแกรงเหล็กสีดำที่ดูดิบ เท่ และสื่อถึงพลังของแบรนด์ได้ชัดเจน การใช้ไฟนีออนทำให้ร้านดูทันสมัย มีชีวิตชีวา และสะท้อนตัวตนของสินค้าว่าไม่ใช่แค่รองเท้ากีฬา แต่คือแฟชั่นและงานศิลปะที่บ่งบอกสไตล์ของผู้สวมใส่ พื้นทางเข้ายังถูกออกแบบด้วยเส้นไฟสีขาวที่พาดผ่านเหมือนเส้นสนามกีฬา สร้างความรู้สึกเคลื่อนไหวและพาลูกค้าเดินเข้าสู่ด้านในอย่างเป็นธรรมชาติ
อีกหนึ่งจุดเด่นคือผนังโชว์ด้านซ้ายที่เต็มไปด้วยกรอบภาพรองเท้าหลากหลายรุ่น จัดเรียงเป็นตารางเหมือนงานนิทรรศการศิลป์ ทำให้พื้นที่ทางเข้าดูไม่ใช่แค่ “ร้านค้า” แต่เป็นเหมือนแกลเลอรีที่เล่าเรื่องราวและความเป็นมาของแบรนด์ ภายในยังใช้การผสมผสานวัสดุโลหะและไฟโทนอุ่นในบางจุด เพื่อสร้างบรรยากาศที่สมดุลระหว่างความแข็งแรงของกีฬาและความอบอุ่นชวนเข้ามาสัมผัส ทุกองค์ประกอบนี้ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้ว่าทางเข้าร้านคือ “ประสบการณ์แรก” ที่เชิญชวนให้ค้นพบโลกของรองเท้าที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และแรงบันดาลใจ
.

☝️ ชั้นวางรองเท้าในโซนนี้ถูกออกแบบให้ดึงดูดสายตาทันที ด้วยการวางคู่กับไฟนีออนสีส้มสดที่เขียนว่า “SPORT IS ART.”ซึ่งสะท้อนแนวคิดหลักของร้านว่าการเล่นกีฬาและแฟชั่นคือศิลปะที่เชื่อมโยงกัน การใช้ตะแกรงเหล็กสีดำเป็นฉากหลังช่วยเสริมความรู้สึกแข็งแรงแบบสตรีท สปอร์ต ขณะที่การจัดชั้นโชว์ด้านข้างเป็นช่องสี่เหลี่ยมซ้ำๆ อย่างเป็นระเบียบ ทำให้สินค้าทุกคู่ที่วางดูมีความโดดเด่น เหมือนถูกจัดแสดงในงานนิทรรศการศิลป์มากกว่าการเป็นแค่สินค้าธรรมดา
การจัดแสงในพื้นที่นี้ก็เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ไฟส่องเฉพาะจุดช่วยเน้นวัสดุและดีไซน์ของรองเท้า ทำให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดชัดเจน และเมื่อสะท้อนกับแสงนีออนด้านหลังยิ่งสร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและแตกต่าง การเดินเข้ามาในโซนนี้จึงไม่ใช่แค่การเลือกซื้อรองเท้า แต่คือการ “สัมผัสประสบการณ์” ที่แบรนด์ตั้งใจถ่ายทอด การออกแบบเช่นนี้ช่วยยกระดับร้านให้กลายเป็นมากกว่าพื้นที่ขาย แต่เป็นเวทีเล่าเรื่องราวที่ทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์และอยากกลับมาอีกครั้ง
.

☝️ การตกแต่งภายในร้านรองเท้าในโซนนี้ถูกออกแบบให้มีความรู้สึก “ดิบ–เท่–มีพลัง” โดยใช้โครงตะแกรงเหล็กสีดำล้อมกรอบพื้นที่ คล้ายการจำลองบรรยากาศสนามกีฬาในเมือง สร้างความรู้สึกเป็นกันเองแต่แฝงด้วยความแข็งแรงและทันสมัย ผนังด้านในเลือกใช้โทนไม้สีอุ่น ตัดกับไฟสปอร์ตไลท์ที่ส่องเฉพาะจุด ทำให้เสื้อผ้าและสินค้าถูกขับเด่นเหมือนงานจัดแสดงในแกลเลอรี ทุกชิ้นดูมี “คุณค่า” มากกว่าการเป็นเพียงสินค้าแขวนขาย การวางแสงยังเน้นความต่างของเงา–แสง ทำให้สินค้าดูมีมิติและน่าสนใจยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งไฮไลท์คือการผสมผสานไฟนีออนข้อความ “SPORT IS ART.” เข้ากับการจัดแสดงสินค้าบนผนัง ช่วยตอกย้ำแนวคิดหลักของร้านว่า “ที่นี่ กีฬาและแฟชั่นคือศิลปะ” สะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ภายในร้านยังมีการใช้สื่อดิจิทัล เช่นจอทีวีเล็กติดผนัง ที่คอยฉายภาพเคลื่อนไหว เพิ่มบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาและทันสมัย การออกแบบพื้นที่นี้จึงไม่เพียงเป็นโซนขายสินค้า แต่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนกำลังเดินชมงานนิทรรศการแฟชั่นที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจและความเป็นเอกลักษณ์
.

☝️ แสงไฟโฆษณาถูกนำมาประดับเพื่อให้เกิดความสวยงามและความสว่าง เพื่อให้เกิดจุดเด่นและเป็นจุดสนใจได้ของร้านค้าแห่งนี้ ซึ่งเราปฎิเสธไม่ได้เลยว่าแสงไฟนั้นเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความสนใจได้ง่ายและเห็นผลที่สุดไม่ว่าเราจะนำไปใช้ในกรณีไดก็ตาม
.

☝️ การตกแต่งภายในร้านรองเท้าแห่งนี้ถูกออกแบบให้แตกต่างจากร้านค้าทั่วไป โดยใช้ผนังไม้โทนอบอุ่นตัดกับพื้นและเพดานที่เรียบง่าย เพื่อสร้างบรรยากาศเป็นกันเองและทันสมัยในเวลาเดียวกัน ชั้นโชว์ถูกออกแบบให้เป็นทั้งที่จัดเก็บและแสดงสินค้า มีการสลับการจัดวางระหว่าง “กล่องแบรนด์” และ “เสื้อผ้าสีสันจัดจ้าน” เพื่อสร้างมิติให้กับสายตาลูกค้า และยังเป็นการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์และคอลเลกชันต่างๆ ได้อย่างแยบยล พื้นที่ทางเดินที่ค่อนข้างกะทัดรัดถูกเน้นด้วยแสงไฟสว่างพอดี ทำให้บรรยากาศดูเป็นกันเองแต่ยังคงความพรีเมียม
ในขณะเดียวกัน ผนังอีกฝั่งถูกใช้แสดงเสื้อยืดหลากหลายดีไซน์แบบ gallery wall ที่เน้นความโดดเด่นของแต่ละชิ้น เหมือนงานศิลปะที่จัดวางอย่างตั้งใจ สร้างประสบการณ์การเดินชมสินค้าเหมือน “นิทรรศการแฟชั่น” ที่ลูกค้าสามารถเดินชม เลือก และสัมผัสได้จริง ด้านในยังคงคอนเซ็ปต์ด้วยไฟนีออน “SPORT IS ART” ทำให้ภาพรวมทั้งร้านสะท้อนแนวคิดว่ารองเท้าและเสื้อผ้าไม่ใช่แค่ของใช้ แต่คือศิลปะการใช้ชีวิต การออกแบบเช่นนี้ไม่เพียงทำให้ร้านดูน่าสนใจ แต่ยังยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้กลายเป็นเรื่องที่ลูกค้ารู้สึกว่า “ไม่ใช่แค่การซื้อของ แต่คือการเข้ามาสัมผัสตัวตนของแบรนด์”
.

☝️ ด้านหลังเคาน์เตอร์คิดเงินของร้านรองเท้าแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็น “จุดปิดการขายที่น่าจดจำ” โดยใช้ผนังไม้โทนสว่างที่ถูกจัดเรียงเป็นแพทเทิร์นสามเหลี่ยมซ้ำๆ ดูมีมิติและทันสมัย พร้อมตัวอักษรขนาดใหญ่ “SPORT IS ART.” สีดำตัดพื้นไม้ที่โดดเด่น สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ว่าการเล่นกีฬาคือศิลปะที่มีสไตล์และเอกลักษณ์ บริเวณนี้จึงไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับจ่ายเงิน แต่กลายเป็นอีกหนึ่งมุมสำคัญที่ช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของร้านให้ลูกค้าจดจำได้แม้ในช่วงท้ายของการช้อปปิ้ง
การจัดแสงไฟถูกวางในตำแหน่งที่ส่องผนังด้านหลังอย่างสมดุล ทำให้โลโก้ข้อความเด่นขึ้นโดยไม่แย่งสายตาจากการใช้งานจริง โต๊ะเคาน์เตอร์สีขาวเรียบกับอุปกรณ์ดิจิทัล เช่นคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ ช่วยเสริมบรรยากาศให้ดูสะอาด ทันสมัย และเป็นมืออาชีพ ภาพรวมทั้งหมดนี้ทำให้โซนเคาน์เตอร์ไม่ได้เป็นแค่จุดจ่ายเงิน แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องแบรนด์ ให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่ก้าวแรกเข้าร้านจนถึงการปิดการซื้อสินค้าอย่างสมบูรณ์
.
.
การออกแบบตกแต่งภายในร้านรองเท้าไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันคือหัวใจที่ช่วยดึงดูดลูกค้าและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้า ตั้งแต่หน้าร้านที่สะดุดตา แสงไฟที่ขับรองเท้าให้โดดเด่น ชั้นโชว์ที่เป็นระเบียบ เข้าใจง่าย โซนลองสวมที่สบาย ไปจนถึงบรรยากาศโดยรวมที่เล่าเรื่องราวของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ร้านที่ให้ความสำคัญกับงานตกแต่งจึงไม่เพียงแค่ “ขายรองเท้า” แต่ขายประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาอีกครั้ง
ออกแบบตกแต่งภายในร้านรองเท้า และสุดท้ายนี้ หากคุณกำลังคิดจะเปิดร้านรองเท้าหรือปรับปรุงร้านเดิมให้ทันสมัย การลงทุนกับงานออกแบบตกแต่งคือการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะมันช่วยเพิ่มโอกาสขาย ยกระดับภาพลักษณ์ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ชัดเจน ที่ Thaimawee Group เราพร้อมดูแลครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบจนถึงก่อสร้าง พร้อมทีมงานคุณภาพ และ บริการออกแบบฟรี (หักค่าแบบได้ 100% เมื่อทำตกแต่งกับเรา) เพื่อให้ร้านของคุณไม่ใช่เพียงแค่ “ร้านขายรองเท้า” แต่กลายเป็น “แบรนด์ที่ลูกค้าจดจำ”
(ดูบทความเรื่องขั้นตอนการเปิดร้านค้าได้ที่นี่ คลิก )
.
“เราเป็นมากกว่าบริษัทออกแบบ เพราะนอกจากเสนองานออกแบบและตกแต่งแล้ว เรายังให้ความรู้ทางการตลาดควบคู่ไปด้วย เพราะมันคือสิ่งสำคัญสำหรับการเปิดร้านเพื่อธุรกิจ” บริษัทเรารับออกแบบตกแต่งภายในร้านอาหารทุกประเภทด้วยมัณฑนากรมืออาชีพและทีมช่างคุณภาพประสบการณ์มากกว่า20ปี โดยท่านสามารถส่งความต้องการมาหาเราได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
สนใจติดต่อ งานออกแบบตกแต่งภายในและรีโนเวทอาคาร กลับสู่หน้าหลัก คลิก
-
-
-
- นัดดูหน้างานได้ที่ 095-864-6299
- ส่งภาพหน้างานและพูดคุยได้ที่ Line

- Email : thaimawee@hotmail.com
- ติดตามเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/weeinterior
-
-
.
ออกแบบตกแต่งภายใน #ตกแต่งร้านค้า #ออกแบบร้านรองเท้า #ตกแต่งร้านรองเท้า #InteriorDesign #ShopDesign #ThaimaweeGroup #WeeInterior #Turnkey #ออกแบบร้านค้า




