งานสีไฮกลอส (High Gloss)ในงานตกแต่งภายใน เสน่ห์ที่มีคุณค่า
งานสีไฮกลอส High gloss หลายท่านคงอาจไม่ค่อยได้รู้จักกันมากเท่าไหร่ แต่ถ้าท่านได้เห็นผลงานไฮกลอสท่านจะต้องร้อง “อ๋อ” เพราะเสน่ห์ของงานสีไฮกลอสนี้ คือความสวยงามอย่างมากของผลงานและมีราคา ถึงแม้ว่าราคาค่าตัวของผลงานนี้จะค่อนข้างสูง แต่ผลงานที่ออกมาคุ้มค่าอย่างมากกับการจ่ายเงินเพื่อให้ได้มา
สีไฮกลอส High Gloss คือการนำสี ในระบบที่พ่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ มาใช้ในงานไม้ ทำให้งานพ่นสีมีความคงทนแข็งแรงดุจสีรถยนต์ คือ คงทนต่อรอยขีดข่วน ทนต่อแสงแดดไม่ซีดเหลือง เงางาม ขัดเงาเพิ่มความเงางามได้ คุณสมบัติที่ดีของสีไฮกลอสระบบ (PU) polyurethane คือความคงทนของผิวสีและเงางาม หรือที่ในภาษาช่างเรียกว่าสี 2K คือสีระบบ2ขั้นตอนมีส่วนผสมของ polyurethane ที่ให้ความแข็งของผิวสีมาก มักไม่ค่อยเป็นรอยง่ายและทนต่อแสงแดด การทำงานนอกจากพ่นรองพื้นแล้วต้องพ่นสีจริงและพ่นเคลียร์แลกเกอร์ทับ จึงเรียกว่า2ขั้นตอน ถ้าเป็นระบบ1K จะพ่นสีจริงที่มีส่วนผสมของแลกเกอร์อยู่ด้วย หนึ่งขั้นตอนและเสร็จเลย สีจะไม่ให้ความแข็งแรงของผิวเลยเหมือนสีพ่นเหล็กทั่วไป อ่อนและเหลืองง่าย สีไฮกลอสที่ดีต้องมีความแข็งแรงของผิวสูงและมีความเงางามมาก 95%ของความเงากระจก จึงจะเรียกว่าสีไฮกลอสแท้100% การทำงาน มีขั้นตอนดังนี้
- เตรียมพื้นผิวจะใช้ไม้ MDF เปลือย หรือ เมลามีนขาวผิวเรียบก็ได้ ( Trick :ถ้าใช้เมลามีนขาวต้องใช้ผิวเรียบเท่านั้น ถ้าใช้ผิวส้มจะต้องมาขัดผิวหน้าอีก ซึ่งยุ่งยากเสียเวลาอย่างมาก ถ้าใช้เมลามีนจะง่ายกว่า MDF เนื่องจากพ่นรองพื้นแค่เที่ยวเดียวก็เต็มผิว และด้านหลังก็ไม่ต้องพ่นสีเนื่องจากเป็นสีขาวอยู่แล้ว เราเอาไว้ด้านในตู้ได้เลย แต่ถ้าเป็น MDFเปลือย ต้องทำสี 2หน้า จะทำงานยากกว่ามาก ต้นทุนจะสูงกว่า 3 เท่าตัว) และทำการขัดผิวขอบด้วยกระดาษทรายขัดไม้(สีน้ำตาล)เบอร์#3 ตามด้วยเบอร์ #1 และ#0 ตามลำดับ ตามขอบและสันให้เรียบ สันขอบต้องไม่คม (การขัดนั้นต้องใช้เทคนิคการการไล่เบอร์ความหยาบ ละเอียดของกระดาษทราย โดยขัดจากเบอร์หยาบก่อนแล้วจึงไล่ขัดให้ละเอียดขึ้นตามเบอร์ของกระดาษทราย) เพราะสีจะไม่ติดหรือติดก็หลุดง่าย ต้องมีการไสตามสันขอบด้วยทริมเมอร์ (เร้าเตอร์ขาดเล็ก ใช้ดอกตีโค้งปลายลูกปืน จะช่วยให้งานออกมาปราณีตกว่าใช้มือ) ให้มลและขัดให้มลเรียบ
- ติดกระดาษหนังสือพิมพ์บริเวณที่ไม่ต้องการทำสีและทาแชล็กบริเวณขอบอย่างเดียวถ้าเป็นเมลามีน แต่ถ้าเป็นMDFเปลือย ต้องทาทั้งแผ่นโดย MDF เปลือย ให้ปิดกระดาษหนังสือพิมพ์และทำสีทีละ 1 หน้า ชแล็กจะช่วยให้สีที่พ่นไม่ถูกอมเข้าไปในเนื้อไม้ ชแล็กทำให้ไม้แข็งและทำสีติดทน เมื่อแห้งดีแล้วให้ขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ #3 (Trick:ทาแชล็กแค่1เที่ยว แต่ทาให้มากให้เปียกให้ถูกดูดและอมเข้าไปในเนื้อไม้ )
3. โป้วด้วยอะคลิลิคยืดหยุ่นสำหรับงานไม้ (แนะนำให้ใช้ Bosny wall putty) ตามขอบให้เต็มเพราะเมื่อพ่นสีออกมาแล้วจะไม่เกิดรูพรุนของผิวขอบที่ไม่เต็ม หรือจะใช้สีโป้วเหลืองของงานสีรถยนต์ก็ได้ แข็งดีไม่ยุบตัว แต่ขัดยากกว่าBosny จะได้ความแข็งของผิวและขัดง่าย ห้ามใช้โป้วแดงเพราะมีความแข็งของผิวสู้โป้วเหลืองไม่ได้ พอขัดไปแล้วผิวจะจม เมื่อโป้วเสร็จ ทิ้งให้แห้งแล้วขัดออกให้เรียบด้วยกระดา่ษทราย #0 โป้วซ้ำอีก1 เที่ยว และขัดกระดาษทรายให้ผิวเต็ม
4. เมื่อโป้วแห้งดีแล้ว ก็ทำการขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์#0 ถ้าให้ได้ผลดีควรใช้เครื่องขัดกระดาษทราย และขัดเป็นแนวเดียว ผิวจะเรียบเสมอกัน ไม่เป็นคลื่น เสร็จแล้วตามด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียดตามลำดับ เพื่อให้ผิวเรียบมันเงาพร้อมจะพ่นรองพื้น
5. พ่นรองพื้นเพื่อให้ผิวอมน้ำและปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนพ่นสีจริง ( Trick :เทคนิคการพ่นสีให้พ่นขอบและสันก่อน1เที่ยว ตามด้วยการพ่นผิวหน้า โดยพ่นสลับกันเป็นแนวตั้งและแนวขวางของชิ้นงานคนละเที่ยว เพื่อให้สีสม่ำเสมอทั่วแผ่น ปรับแรงลมกาพ่นสีปานกลาง)
6. เมื่อสีรองพื้นแห้งดีแล้วถ้าขอบสันเรียบสวยงามดีไม่ต้องขัดกระดาษทรายด้วยเครื่อง แค่ลูบมือเบาๆด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียด แล้วจึงนำไปพ่นสีจริงตามเฉดที่ต้องการ พ่นเสร็จแล้วผิวจะเรียบด้าน ทิ้งให้แห้ง ( Trick :แนะนำให้ใช้สีพ่นรถยนต์ระบบ 2ขั้นตอน 2K งานที่ได้จะออกมาสวยงามและคงทน ราคาไม่สูง แต่ถ้าใช้สีไฮกลอสตามท้องตลาดสำหรับงานไม้นั้น ผู้ขียนเคยลองดูมาหมดแล้ว เนื้อสีจะบาง ไม่หนาเท่าสีรถยนต์ ซึ่งจะมีผลต่อไปตอนขัดกระดาษทรายน้ำ ในกรณีที่ต้องการให้ผิวเรียบมากๆ และต้องขัดลงไปลึกกว่าปรกติให้ผิวเรียบก่อนการขัดเงา ผลคือ ตามสันขอบสีและชั้นเคลียร์จะหลุด เห็นเนื้อขาวของขอบไม้ ขัดจะไม่ขึ้นเงาเนื่องจากชั้นเคลียร์หลุด และงานจะเสียต้องแก้ใหม่ แต่ถ้าใช้เคลียร์แลกเกอร์ของงานสีรถยนต์ที่คุณภาพดี ต้องคุณภาพดีเท่านั้น ผิวเคลียร์แลกเกอร์จะหนาแข็ง ขัดให้เรียบด้วยกระดาษทรายน้ำยังไง ก็ยังไม่ลงลึกถึงชั้นผิวสี งานก็จะไม่เสีย ข้อเสียของสีไฮกลอสสำหรับงานไม้ตามท้องตลาดคือ ไม่สามารถขัดกระดาษทรายน้ำให้เรียบที่สุดได้ และถ้าขัดไม่เรียบ และขัดปั่นเงาเลย งานก็ออกมาก็เงาสวยงามดีแต่เมื่อส่องกับแสงแดดจะเห็นว่าผิวของชิ้นงานไม่เรียบเสมอเท่าที่ควร จึงเป็นได้แค่งานสีไฮกลอสเกรด Bเท่านั้น เกรด A คือ ผิวต้องเรียบเหมือนผิวกระจก การเรียบเช่นนี้ เทคนิคอยู่ที่การขัดกระดาษทรายน้ำเบอร์ #2000 )
7. เมื่อสีจริงแห้งดีแล้ว จากนั้นพ่นเคลียร์แลกเกอร์ ให้ผิวเงางามตามต้องการ โดยเปิดใช้แรงลมแรงกว่าขั้นตอนการพ่นสีจริง โดยพ่นสันขอบก่อน แล้วจึงพ่นผิวหน้าให้เงางามตามต้องการ แต่อย่ามากเกินไปเพราะนอกจากเปลืองสีแล้ว สียังย้อยไม่สวยงาม งานเสียอีกด้วย
ผิวที่ได้จะเงางามสวยงาม แต่ผิวยังไม่เรียบเนียนตามต้องการ ต้องทิ้งให้แห้ง 24ชม.ในห้องที่ไม่มีฝุ่นและสะอาด แล้วจึงขัดน้ำอีกครั้ง
8. เมื่อพ่นเคลียร์แลกเกอร์เสร็จแล้ว ผิวจะเงางามแต่ความเรียบยังไม่ได้ตามต้องการ จึงต้องนำมาขัดกระดาษทรายน้ำเบอร์ละเอียด กระดาษทรายน้ำเบอร์2,000-3,000) อีกครั้งจนผิวเรียบด้านตามต้องการ จึงลงน้ำยาขัดหยาบเพื่อลบรอยกระดาษทรายเบอร์ 3,000 ( ความรู้ :กระดาษทรายเบอร์ละเอียดจะลบรอยกระดาษทรายเบอร์ต่ำกว่าไปโดยอัตโนมัติ เช่น กระดาษทรายเบอร์ 2500 จะลบรอยกระดาษทรายเบอร์ 2000 และกระดาษทรายเบอร์ 3000 จะลบรอยกระดาษทรายเบอร์ 2500เป็นต้น )
9. เมื่อลงน้ำยาขัดหยาบและลบรอยกระดาษทรายออกด้วยขนแกะจนหมดแล้ว จึงลงน้ำยาขัดละเอียดขัดชักเงาขึ้นมาอีกครั้งด้วยฟองน้ำขัดเงา ให้ผิวใสตามต้องการ
งานที่ได้จะออกมาเนียนเงาใส ตามต้องการและความคงทนแข็งแรงของผิวมีสูง จากนั้นจึงนำไปติดตั้งหน้างาน งานที่ออกมาจึงสวยงามดังตัวอย่างงานข้างล่างนี้
จะเห็นว่าด้วยขั้นตอนต่างๆที่ได้กล่าวมา การลิตงานเฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายในด้วยไฮกลอสนั้น เมื่อทำอย่างถูกวิธี งานที่ได้จะสวยงามคุ้มค่ารวมถึงความคงทน และค่าตัวจะค่อนข้างสูงแต่เมื่อเทียบกับงานที่สวยงามทรงคุณค่าแต่ก็มีลูกค้ามากมายที่ชื่นชอบการตกแต่งในสไตล์นี้
หากท่านชื่นชอบการ ออกแบบตกแต่งภายใน ด้วยวัสดุไฮกลอสนี้ ท่านสามารถติดต่อมายังบริษัทเราได้เลย และท่านจะได้งานที่สวยงามมากๆ ทรงคุณค่าอย่างมาก อย่างแน่นอน ด้วยประสบการณ์ของเรา จึงทำให้เรามั่นใจ ดูผลงานสีไฮกลอสได้ ที่นี่
สนใจติดต่อ